Bongjin Jeon สร้างรอยสักงานสีดำที่โดดเด่นที่ Tenderfoot Studio ที่ 199 Cook St #103, Brooklyn, New York 11206 ผลงานรอยสักของเขาดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก เขาใช้สีดำเข้มในการลงสีให้กับลายสักของเขาในทุกๆชิ้น ทำให้มันกลายเป็นงานที่มีรายละเอียดชัดเจนอย่างแท้จริงโดยไม่พึ่งพาแสงเงา ผลงานการสักของเขามีความโดดเด่นเป็นอย่างมากทั้งในนิวยอร์กและหลายๆประเทศทั่วโลก มันจะกลายเป็นลายสักเทรนใหม่หรือไม่ วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับช่างสักเกี่ยวกับการเดินทางสู่โลกแห่งรอยสัก สไตล์ศิลปะ และช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขา เราไปทำความรู้จักกับเขากันเลย
th-ink : สักมานานแค่ไหนและเริ่มเข้าวงการได้อย่างไร ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อย?
Bongjin Jeon : ฉันสักมาประมาณหนึ่งปีครึ่งแล้ว ฉันสักมาตั้งแต่เด็ก
ในช่วงที่เกิดโรคระบาด ฉันไปหาช่างสักคนโปรดของฉันและถามว่าเขาจะเป็นติวเตอร์ให้ฉันได้ไหม – เขายอมรับ และทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น จริงๆแล้วมันเพิ่งเริ่มต้นในเวลาสั้นๆเท่านั้นเอง ฉันใช้เวลาประมาณ 1-2 ปีในการเรียนรู้การสัก
th-ink : ประสบการณ์ในวงการสักของคุณเป็นอย่างไร? มีช่วงเวลาหรือเรื่องราวที่โดดเด่นหรือไม่?
Bongjin Jeon : มันยอดเยี่ยมมากจริงๆ มันดีกว่าที่ฉันคาดไว้และฉันก็ไม่เสียใจเลย ช่วงเวลาที่ทำให้ฉันตกใจที่สุดคือตอนที่เจ้าของร้านสักขนาดใหญ่แห่งนี้ในละแวกร้านของเราต้องการสักจากฉันแม้ว่าฉันจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสักก็ตาม มันเป็นคำชมที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน – มันทำให้ฉันมั่นใจว่าฉันกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยวิธีที่ถูกต้อง! แม้ว่ามันจะเป็นลายสักที่ฉันทดลองอะไรใหม่ๆ ฉันรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่มันได้รับความนิยม
th-ink : อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเป็นศิลปิน? คุณมีพื้นฐานด้านศิลปะหรือไม่?
Bongjin Jeon : บอกตามตรงว่าตอนเด็กๆ ฉันไม่ชอบ ‘ศิลปะ’ ฉันเป็นนักเรียนกีฬามากกว่า แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็สนใจบางสิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนในหลายๆ ด้าน เช่น การ์ตูน ดนตรี ลายเส้น และแน่นอนว่ารอยสัก มันอาจจะดูซับซ้อนอยู่บ้างแต่แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วฉันก็กลายเป็นช่างสัก
จากนั้นฉันก็รู้ว่าฉันชอบรอยสักที่สนุก ตลกขบขัน และสร้างสรรค์มากที่สุด หลังจากตระหนักได้ ฉันจึงไปโรงเรียนศิลปะและเรียนรู้วิธีการวาดภาพ งานฝีมือ และวิธีทำการตลาดด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นรากฐานของอาชีพของฉัน
th-ink : ความทรงจำแรกของคุณเกี่ยวกับรอยสักคืออะไร?
Bongjin Jeon : ความทรงจำแรกของฉัน ทำให้ฉันแตกตื่นอยู่เสมอ ฉันสักให้กับเพื่อนเก่าหลังจากเรียนรู้การสักจากครูสอนพิเศษของฉัน ฉันจำได้ว่าวันนั้นฉันได้ทำการสักตัวอักษรที่กระดูกไหปลาร้าให้กับเขา ดังนั้นฉันจึงต้องยืนขึ้นโดยเอนตัวไปข้างหน้าจนสุดตลอดเซสชั่นทั้งหมด แน่นอนว่าฉันเคยฝึกทำกับหนังเทียมมาก่อนในวันนั้น แต่ก็ยังค่อนข้างหนักใจ และกังวลเป็นอย่างมาก โชคดีที่ครูของฉันอยู่กับเรา ดังนั้นทุกอย่างจึงอยู่ภายใต้การควบคุม มันเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างสบาย และสนุกสนาน ฉันกับเพื่อนยังคงหัวเราะเกี่ยวกับวันนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำเลยทีเดียว
th-ink : คุณจะอธิบายสไตล์ของคุณว่าอย่างไร?
Bongjin Jeon : สไตล์การสักของฉันเรียกว่างานสีดำที่มีโครงร่างที่ชัดเจน มีตั้งแต่สีดำทึบจนถึงศูนย์เพื่อความเปรียบต่างที่ชัดเจน ความเปรียบต่างที่ชัดเจนนี้ทำให้รอยสักมีชีวิตชีวา และยังดูเหนือจริงในเวลาเดียวกัน รู้สึกเหมือนรอยสักเหล่านี้กำลังจะกระโดดหรือเคลื่อนไหวไปมา และฉันชอบมันมาก
th-ink : อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบของคุณ?
Bongjin Jeon : ฉันมักพบความสนุกในความขัดแย้ง และไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสองสิ่งหรือสไตล์ที่แตกต่างกันมารวมกัน เช่น สไตล์การวาดภาพที่จริงจัง และมืดมนกับตัวแบบโง่ๆ อย่างปิกาจู ฉันคิดว่าทุกอย่างมันสามารถผสมผสานกันได้อย่างลงตัวจากความแตกต่างของมันเอง
th-ink : อะไรคืออิทธิพลทางศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของคุณ?
Bongjin Jeon : หนึ่งในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาจากภาพยนตร์ บางครั้งฉันวาดฉาก และตัวละครในภาพยนตร์ แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ของภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ หรืออารมณ์ขันของเรื่องก็ตาม ฉันได้รับแรงบันดาลใจจากหนังตลกเป็นหลัก เช่น Step Brothers, 21 Jump Streets, The Office, The Hangover… หนังหลายๆเรื่องเป็นหนังที่ฉันชอบ และอยากนำมาทำเป็นลายสัก
อิทธิพลอีกอย่างหนึ่งคือธรรมชาติ ฉันหมกมุ่นอยู่กับการไปสวนสาธารณะและได้ไอเดียสำหรับรอยสักแฟลชโดยการดูสัตว์และพืชที่นั่น
th-ink : คุณชอบสักอะไร และอยากทำอะไรเพิ่มเติม?
Bongjin Jeon : สไตล์การสักของฉันที่มีเส้นหนานั้นเหมาะกับสิ่งที่แข็งแกร่ง หนักแน่น และโดดเด่น และฉันเชื่อว่าตัวแบบที่แข็งแกร่งเหล่านี้มีเสน่ห์ที่ตลกและงี่เง่าด้วยการหักมุมเล็กๆ น้อยๆ จนถึงตอนนี้งานของฉันมีธีมที่จริงจัง และตลกขบขัน 50/50 ฉันชอบที่จะทำรอยสักโง่ๆ โง่ๆ ที่มีเส้นหนาๆ ให้มากขึ้นด้วยการร่วมมือกับลูกค้าที่มีรสนิยมคล้ายๆ กับฉัน
th-ink : คุณเห็นรอยสักของคุณพัฒนาไปในอนาคตอย่างไร?
Bongjin Jeon : ฉันกำลังคิดที่จะเพิ่มความหนาของเส้นอื่นๆ โดยเฉพาะเส้นที่บางลงเพื่อให้ได้รายละเอียดที่มากขึ้นตามการออกแบบ และขนาด ฉันยังอาจเริ่มใส่สีบางส่วนขึ้นอยู่กับธีม
th-ink : รอยสักแรกของคุณคืออะไร?
Bongjin Jeon : พูดตามตรง ตอนนี้ฉันยังไม่มีรอยสักเลย ฉันรู้ว่าบางคนในอุตสาหกรรมนี้จะไม่เห็นด้วย และเกลียดสิ่งนี้ แต่ฉันรับได้ ในความคิดของฉัน การมีรอยสักเป็นศูนย์ และร่างกายที่เปลือยเปล่าก็เป็นการออกแบบร่างกายแบบหนึ่งในแง่ของรอยสักเช่นกัน ไม่มีใครสามารถยืนหยัดที่จะมีความเท่ได้
th-ink : สถานที่ท่องเที่ยวและรอยสักที่คุณชอบคือที่ไหน?
Bongjin Jeon : ฉันจะบอกว่านิวยอร์กเป็นเมืองที่ดีสำหรับการเดินทางสัก นิวยอร์กเป็นหนึ่งในเมืองที่มีช่างสักและร้านสักทั้งเก่าและใหม่มากที่สุดในโลกในพื้นที่ขนาดเล็กเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่นๆ ซึ่งหมายความว่าช่างสักแต่ละคนต้องมีการแข่งขันกัน ในแง่ของตัวเมือง ฉันคิดว่านิวยอร์กถูกประเมินต่ำเกินไป เหมือนที่คนพูดว่านิวยอร์กถูกประเมินเกินจริง
อีกเมืองที่ฉันชอบไปคือมาดริด ฉันอยากสัมผัสประสบการณ์การทำงานในอีกบรรยากาศหนึ่งกับนิวยอร์ค เช่น อากาศ ผู้คน และตึกรามบ้านช่อง
th-ink : วงการรอยสักที่คุณอยู่เป็นอย่างไร?
Bongjin Jeon : ฉันทำงานอยู่ที่ Bushwick, Brooklyn ฉันว่า Bushwick ค่อนข้างน่าอยู่ และมีบรรยากาศที่ดีพร้อมบาร์ และร้านอาหารหรูหรา แต่ในขณะเดียวกันก็เงียบสงบสำหรับการเดินเล่น นั่นเป็นส่วนที่ฉันชอบ
ร้านค้าส่วนใหญ่ในบรู๊คลินเป็นร้านค้าใหม่และเก่า คุณจึงสามารถหารอยสักสไตล์ใหม่ๆ ได้ง่ายในเมืองนี้ ช่างสักยังเป็นเด็ก และมักจะชิลล์ สบายๆ
th-ink : คุณทำอะไรเมื่อไม่ได้สัก/วาดรูป?
Bongjin Jeon : นอกจากการสักแล้ว ฉันยังเล่นฟุตบอลและเทนนิสเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังและข้อมือจากการสัก หรือฉันชอบไปสวนสาธารณะน้อยใหญ่ในละแวกบ้าน และนอนเล่น ฉันพูดเสมอว่าส่วนที่ดีที่สุดของนิวยอร์กคือสวนสาธารณะ
th-ink : ช่วงเวลาใดในอาชีพการงานของคุณที่คุณภาคภูมิใจที่สุด?
Bongjin Jeon : เมื่อลูกค้ากลับมาสักกับผมอีกครั้ง มันรู้สึกเหมือนเป็นเครดิตที่ยิ่งใหญ่เสมอ และฉันก็มีความสุขกับมันมาก และการออกแบบรอยสักแฟลชจำนวนมากของฉันยังได้รับการออกแบบเป็นงานปะ ดังนั้นหากลูกค้าไปสักอีกหรือมากกว่านั้นจากฉัน มันก็จะดูดียิ่งขึ้นไปพร้อมกัน ทำให้ฉันภูมิใจ และมีความสุขเพิ่มขึ้น
คุณสามารถติดตามผลงานของเขาเพิ่มเติมได้ผ่านทาง Instagram @telephonepole2 ได้เลยนะครับ วันนี้หมดเวลาลงแล้วต้องลาไปก่อนพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ
