ช่างสัก Neil Chetcuti ทำงานที่ Skinlabel Tattoo Studio ในมอลตา เราได้พูดคุยกับศิลปินเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสไตล์การสักของเขา ความรักที่เขามีต่องานฝีมือ และวงการการสักในมอลตา ไปทำความรู้จักกับเขากันเลย
th-ink : สักมานานแค่ไหน และเริ่มเข้าวงการได้อย่างไร?
Neil Chetcuti : ฉันเป็นช่างสักมาหกปีแล้ว ความหลงใหลในศิลปะและกีฬาของฉันเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย และส่วนใหญ่ฉันมุ่งมั่นกับฟุตบอลก่อนที่จะมีอาชีพการสัก เมื่อก่อนฉันเคยวาดภาพบางอย่างทุกวัน แต่หลังจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าซึ่งทำให้อาชีพนักฟุตบอลของฉันต้องจบลง ฉันมีเวลามากขึ้นที่จะมุ่งเน้นไปที่งานศิลปะของฉัน ฉันโพสต์งานศิลปะของฉันมากขึ้นทางออนไลน์และได้รับผลตอบรับในเชิงบวกมากมาย ซึ่งทำให้ฉันมีอาชีพการสัก ฉันเริ่มฝึกหัดในปี 2559 และกลายเป็นช่างสักมืออาชีพในต้นปี 2560
th-ink : อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเป็นศิลปิน? คุณมีพื้นฐานด้านศิลปะหรือไม่?
Neil Chetcuti : ความหลงใหลในศิลปะของฉันเกิดจากประวัติความสามารถทางศิลปะของครอบครัวฉัน เติบโตมาท่ามกลางภาพวาดของคุณปู่ทวดของฉัน ฉันหลงใหลในศิลปะมาโดยตลอดและเริ่มวาดภาพตั้งแต่ยังเด็ก
ความสนใจในการสักของฉันจุดประกายจากการดูรายการต่างๆ เช่น Miami Ink และความชื่นชมในงานฝีมือของฉันก็เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
ระหว่างพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่เข่า ฉันได้รับการสักครั้งแรกจากศิลปินที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่ง เดนิส ซิวัก ซึ่งทำหน้าที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันประกอบอาชีพสัก
th-ink : อะไรทำให้คุณสนใจลายสักแนวภาพเหมือนขาวดำ คุณเคยสักแบบนี้ไหม?
Neil Chetcuti : ฉันมักจะชอบภาพเหมือนขาวดำพราะความรักของฉันที่มีต่อดินสอกราไฟต์ และกระดาษเนื้อละเอียด ซึ่งฉันใช้ในการสร้างภาพวาดส่วนใหญ่ของฉัน ความแตกต่างระหว่างสีดำและสีเทาสร้างเอฟเฟกต์ที่ผ่อนคลายซึ่งฉันคิดว่าน่าดึงดูด ในช่วงปีแรกของการสัก ฉันได้ทดลองรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และสร้างฐานลูกค้า แม้ว่าฉันจะสนใจเรื่องความสมจริงของสี แต่ฉันสังเกตเห็นว่าผู้คนในภูมิภาคของฉัน (เกาะที่มีแสงแดดอบอุ่น) มักจะมีผิวสีแทนซึ่งไม่เหมาะสำหรับการสักสี
th-ink : อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบของคุณ?
Neil Chetcuti : ฉันอุทิศเวลามากมายให้กับการออกแบบรอยสักของฉัน เพราะฉันเชื่อว่าการออกแบบนั้นมีบทบาทสำคัญในคุณภาพโดยรวมของรอยสัก ฉันแสวงหาแรงบันดาลใจจากแหล่งต่างๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะรูปแบบอื่นๆ เช่น ภาพวาดและภาพยนตร์ หรือจากศิลปินคนอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่องานของฉัน โครงการใหม่แต่ละโครงการนำเสนอโอกาสที่ไม่เหมือนใครในการสร้างสรรค์สิ่งพิเศษในขณะที่ยังคงสไตล์ของฉันไว้อย่างแท้จริง
th-ink : คุณชอบสักอะไร และอยากทำอะไรเพิ่มเติม?
Neil Chetcuti : ขณะนี้ฉันชอบการสักกะโหลกศีรษะ แต่ความชอบของฉันมักจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ฉันไม่ชอบการอ้างอิงที่มีขนยาวเป็นพิเศษ แต่อาจขึ้นอยู่กับภาพถ่ายและทิศทางของโปรเจ็กต์
ฉันขอขอบคุณลูกค้าที่เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ และให้อิสระแก่ฉันในการปลดปล่อยจินตนาการของฉันและสร้างโครงการที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนด้วยแนวคิดดั้งเดิม ซึ่งฉันสนุกกับการทำอย่างเต็มที่
th-ink : คุณเห็นรอยสักของคุณพัฒนาไปในอนาคตอย่างไร?
Neil Chetcuti : ในปี 2019 ฉันแนะนำแง่มุมใหม่ให้กับรอยสักของฉันโดยผสมผสานการใช้ถ้อยคำ การประดิษฐ์ตัวอักษร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ประกอบกราฟฟิตี การเพิ่มเข้ามานี้เป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับฉันเพราะมันเพิ่มความสมดุลให้กับความแตกต่างในการอ้างอิงของฉัน และปรับปรุงการไหลของงานของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกมั่นใจในโปรเจ็กต์และสไตล์ของฉัน แต่อนาคตของงานศิลปะของฉันนั้นคาดเดาไม่ได้เสมอ ฉันค้นหาวิธีที่จะผลักดันขอบเขตและสร้างชิ้นงานที่ไม่เหมือนใครอยู่ตลอดเวลา
th-ink : สถานที่ท่องเที่ยว และรอยสักที่คุณชอบคือที่ไหน?
Neil Chetcuti : ฉันได้รับสิทธิพิเศษในการเดินทางไปยังสถานที่ที่น่าทึ่งสำหรับการทำงานในฐานะช่างสัก ในขณะที่ทุกสถานที่มีบรรยากาศและเสน่ห์เฉพาะตัว จุดหมายปลายทางที่ฉันชอบจนถึงตอนนี้คืองาน Milano tattoo Convention มันเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนอย่างแท้จริงที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานขนาดใหญ่เช่นนี้ ซึ่งรายล้อมไปด้วยศิลปินที่ดีที่สุดในโลก การประชุมเสนอโอกาสมากมายในการเรียนรู้และเติบโตในฐานะศิลปิน และฉันจะขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดังกล่าวเสมอ
th-ink : รอยสักแรกของคุณคืออะไร? คุณยังชอบมันอยู่ไหม?
Neil Chetcuti : รอยสักแรกของฉันคือรูปปั้นเทวทูตเซนต์ไมเคิล ซึ่งฉันได้มาในปี 2014 แม้ว่าฉันจะไม่เสียใจเลยเพราะมันมีคุณค่าทางจิตใจ แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันก็เต็มไปด้วยรอยสักต่างๆ บนแขนซ้ายของฉัน และมีความคิดที่ดีขึ้น สำหรับธีม ปลอกขาขวาของฉันซึ่งทำโดยแมทธิว @Skinlabel ที่ปรึกษาของฉัน เป็นเครื่องบรรณาการให้กับงานศิลปะและนำเสนอภาพเหมือนของศิลปินชื่อดัง เช่น ปิกัสโซ ดาลี ฟรีดา คาห์โล และคาราวัจโจ พร้อมด้วยการจำลองผลงานของพวกเขา
th-ink : คุณมีการวางแผนการเดินทางหรือเป็นแขกรับเชิญตามร้านสักต่างๆหรือไม่?
Neil Chetcuti : ฉันเปิดรับความคิดเรื่องการเดินทางไปทำงาน และหาแขกรับเชิญอยู่เสมอ มันเป็นวิธีที่ดีในการสร้างเครือข่ายและเรียนรู้จากศิลปินคนอื่นๆ ตารางงานของฉันค่อนข้างยุ่ง แต่ฉันพยายามจัดให้เข้ากับสถานที่และการเดินทางให้ได้มากที่สุด ขณะนี้ฉันมีแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมรอยสักของไบรตันในอีกไม่กี่สัปดาห์ ฉันยังได้รับการร้องขอจากแขกจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะรองรับได้เนื่องจากตารางงานที่ยุ่งของฉัน แต่ฉันวางแผนที่จะเยี่ยมชมสตูดิโอบางแห่งที่ฉันเคยไปมาก่อน และอาจจะสำรวจสตูดิโอใหม่ๆ ในปีนี้
th-ink : วงการรอยสักที่คุณอยู่เป็นอย่างไร?
Neil Chetcuti : วงการการสักในมอลตากำลังเติบโต และได้รับการยอมรับในสังคมมากขึ้น แม้จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีความลังเลจากบางส่วนของสังคม และนโยบายในที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้กำลังเปลี่ยนไป ดังที่เห็นได้จากการยอมรับรอยสักของกองตำรวจ อุตสาหกรรมการสักในมอลตามีการแข่งขันสูงเนื่องจากขนาดค่อนข้างเล็กของเกาะ แต่นี่เป็นเรื่องปกติในทุกอุตสาหกรรม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรอยสักยังนำไปสู่ความหลากหลายของรูปแบบและการออกแบบที่พบเห็น
th-ink : คุณทำอะไรเมื่อไม่ได้สัก/วาดรูป?
Neil Chetcuti : เมื่อฉันไม่ได้จดจ่ออยู่กับการสักหรือการออกแบบ ฉันชอบที่จะให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของฉันโดยผสมผสานการออกกำลังกายเข้ากับกิจวัตรประจำวันของฉัน เช่น เดินเล่นกับสุนัขหรือไปยิม ฉันยังสนุกกับการสำรวจอาหารและร้านอาหารใหม่ ๆ กับแฟนและเพื่อน ๆ ของฉัน รวมถึงการไปเที่ยวเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมใหม่ ๆ ฉันมักจะทำงานอดิเรกใหม่ ๆ และกำลังอ่านหนังสือในเวลาว่าง โดยรวมแล้ว ฉันพยายามหาสมดุลระหว่างงาน และชีวิตส่วนตัว และใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดนอกสตูดิโอ
th-ink : ช่วงเวลาใดในอาชีพการงานของคุณที่คุณภาคภูมิใจที่สุด?
Neil Chetcuti : เป็นการยากที่จะระบุช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งว่าเป็นช่วงเวลาที่ฉันภูมิใจที่สุดในอาชีพการงานของฉัน แต่การได้รับการยอมรับจากผลงานของฉันคือสิ่งที่ทำให้ฉันภูมิใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการประชุมที่งานของฉันได้รับการยอมรับหรือในขณะที่แขกรับเชิญ เมื่อฉันได้รับคำชม และคำชื่นชมจากศิลปินที่มีพรสวรรค์คนอื่นๆ ในอุตสาหกรรม นั่นเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม
ไม่ใช่แค่การได้รับรางวัลหรือรางวัลต่างๆ เท่านั้น แต่การรู้ว่าคนอื่นเห็นคุณค่าของงานของฉัน และเห็นว่ามันมีค่าคือสิ่งที่ผลักดันให้ฉันปรับปรุงอย่างต่อเนื่องกับแต่ละโครงการใหม่
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันได้อุทิศตัวเองเพื่อทำให้งานฝีมือของฉันสมบูรณ์แบบ และช่วงเวลาแห่งการยอมรับเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการทำงานหนักและความทุ่มเทให้กับงานศิลปะของฉัน
คุณสามารถติดตามผลงานของเขาเพิ่มเติมได้ผ่านทาง Instagram ได้เลยนะครับ วันนี้หมดเวลาลงแล้วต้องลาไปก่อนพบกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ
