
@andrea_pennacchia_penna
“ ลายสัก Bio นั้นเป็นลายสักที่ได้รับความนิยม มาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากความชื่นชอบของคนบางกลุ่มเพียงเท่านั้น และแม้ว่าลายสักแนวไบโอนั้นจะเป็นรอยสักที่ไม่ได้โด่งดังจนเปรี้ยงป้าง แต่มันก็เป็นอีก 1 วัฒนธรรมที่ช่วยขับเคลื่อนวงการสักมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกัน ลายสักแนวไบโอนั้น มีความเป็นมารวมไปถึง มีช่างคนไหนบ้างที่ มีฝีมือที่เหนือชั้น รวมถึงเป็นช่างระดับโลกเราได้รวบรวมมาให้เพื่อนๆแล้ว ในบทความนี้ เช่นเคยกับ 10 รอยสักสวยๆ ที่เราจะนำมาฝากเพื่อนๆกันช่วงท้ายบทความแบบทุกๆครั้ง โดยวันนี้เรามีลายสักที่น่าสนใจมากมาย ทั้ง ลายสัก Bio เครื่องจักร ลายสัก Bio organic หัวกะโหลก รอยสักBio organicปีศาจ รอยสักBio organicเอเลี่ยน ลายสักBio Organic สี รอยสักBio Organicขาวดำ ลายสักไบโอแมคคานิคสี ลายสักไบโอแมคคานิคขาวดำ ลายสักไบโอแมคคานิคเครื่องจักร ลายสักไบโอแมคคานิคเครื่องยนต์ แล้วยังมีลายสักที่น่าสนใจอีกมากมาย “
@jesselevitt
ลายสัก Bio คืออะไร? รอยสักทางชีวกลศาสตร์หรือลายสักbio มีต้นกำเนิดมาจากศิลปะชีวกลศาสตร์ซึ่งเป็นศิลปะร่วมสมัย มันสะท้อนร่างกายมนุษย์เหมือนชิ้นส่วนเครื่องจักรกล ตัวอย่างเช่น ข้อต่อของร่างกาย และกระดูก จะถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนของเครื่องจักร เช่น ลูกสูบ และเฟือง
ภาพยนตร์เรื่อง “ Alien” นำรอยสักประเภทนี้มาเผยแพร่ในปี 1979 ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินผู้สร้างสรรค์รอยสัก พัฒนารูปแบบการออกแบบลายสักที่เหนือชั้นเช่นนี้ ซึ่งเรียกว่ารอยสักทางชีวกลศาสตร์หรือลายสักbio หลายคนในยุคสมัยนั้นหากถ้าให้พูดถึงรอยสักแล้ว ก็คงจะนึกถึงลายสักแนว อเมริกันดั้งเดิม(รอยสักโอสคูล) รอยสักเช่น ลายสักนก รอยสักลูกศร ลายหัวใจ ลายเมารี ลายดวงดาว รอยสักดอกไม้ รอยสักสมอเรือ รอยสักขนนก รอยสักเครื่องจับฝัน รอยสักคันธนู เพราะเป็นประเภทลายสักที่เป็นที่นิยมมานานแล้ว แต่รอยสักทางชีวกลศาสตร์เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ค่อยๆได้รับความนิยมเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้รอยสักเหล่านี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
เนื่องจากองค์ประกอบการออกแบบของพวกเขามีความน่าสนใจ โดยอ้างอิงรากเหง้าของพวกมันไปสู่หุ่นยนต์และกลไก ความซับซ้อนของการออกแบบ และการใช้สีอย่างสร้างสรรค์ ทำให้รอยสักBio น่าสนใจและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น รอยสักมีการออกแบบที่หลากหลาย ซึ่งทำให้ทุกรอยสักมีเอกลักษณ์ มีการปรับแต่ง เพิ่มเติม และการปรับเปลี่ยนให้รอยสักไบโอมีความหลากหลายยิ่งขึ้น และเริ่มมีช่างสักให้ความสนใจมากขึ้น
อีกจุดเด่นของลายสักประเภทนี้คือ คุณอาจจะได้รับความสนใจจากคนรอบข้างมากขึ้นจากรอยสักที่ลวงตา ให้รู้สึกเหมือนว่าผิวหนังของคุณกำลังฉีกขาด และถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรที่ทะลุออกมาจากใต้ผิวหนัง รวมไปถึง กระดูก เขี้ยวเล็บ หรือแม้แต่ลิ้นของงู และปีศาจ จึงเป็นลายสักอีก 1 ประเภทที่คุณควรจะคิดให้ดีก่อนที่ตัดสินใจสัก รวมไปถึงควรจะเลือก ส่วนของร่างกายที่จะวางลายสัก เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดจากการจัดวางของคุณ ลายสัก Bio ตำแหน่งที่น่าสนใจมีอย่างมากมาย เช่น รอยสักBioบนหน้าอกรอยสักBioบนหลัง รอยสักไบโอบนท่อนแขน รอยสักไบโอท่อนขา รอยสักBioต้นคอ รอยสักBioเต็มหลัง ซึ่งตำแหน่งเหล่านี้ถือว่าเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรอยสัก Bio เพราะการสักในสถานที่ตำแหน่งดังกล่าวจะสามารถ ทำให้ผลงานนั้นออกมาดูสมจริงมากขึ้น คุณอาจจะเลือกออกแบบผลงานของคุณให้เป็นงานสี หรือแม้แต่ทำให้เป็นสี ขาวดำแบบคลาสสิคนั้น ก็สวยงามไม่แพ้กัน หรือแม้แต่ช่างสักบางคนก็นิยมใช้โทนสีเทา ดำ และขาว เพื่อให้ลายสักของเขามีความมันเงาให้เหมือนกับ ลายสักที่เป็นเครื่องจักรมากขึ้น
ลายสัก Bio ถือว่าเป็นลายสักที่ไร้ขอบเขตและสามารถทำออกมาได้อย่างหลากหลาย มันสามารถสร้างงาน 3 มิติ ได้ง่ายและซับซ้อนยิ่งขึ้น ความสนุกของมันคือมันสามารถเลือกใช้สี โทนไหนก็ได้แล้วแต่ที่ลูกค้าต้องการ การวางองค์ประกอบภาพรวมไปถึงสีที่เลือกใช้ ควรจะเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุด อีก 1 ข้อ ลายสักแนวไบโอนี้มีราคาที่สูงมาก เนื่องจากมันมีการออกแบบที่มีความซับซ้อนสูง ลูกค้าควรจะต้องคำนึงถึง ความเจ็บปวดที่ได้รับ ไหนการสัก และเขาต้อง อดทน ผ่านความเจ็บปวดในการสัก การคิดทุกอย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณได้ลายสักที่ถูกใจคุณมากขึ้น เพราะว่าลายสักนั้นจะต้องอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต
ลายสัก Bio ในความหมายเชิงสัญลักษณ์ ลายสัก Bio นั้นมีความน่าสนใจเช่นเดียวกับลายสักประเภทอื่นๆและมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งลายสักแนวไบโอนี้ ผู้ที่ชื่นชอบส่วนใหญ่จะเป็นเหล่าสาวกที่คลั่งไคล้ในผลงานหนังไซไฟต่างๆ รวมไปถึงกลไกเทคโนโลยี ที่นำมาผสมผสานให้เป็นองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ รอยสักแนวไบโอนี้ จึงเป็นรอยสักที่ทันสมัยตลอดกาล เนื่องจากมันเป็นลายสักสำหรับคนที่มีแนวคิดใหม่ๆ และไม่ผูกติดกับลายสักตั้งเดิม ที่ดูเหมือนกันไปหมดแล้วก็น่าเบื่อ
การออกแบบทั่วไปของลายสัก ลายสักแนวไบโอนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในระดับต้น ที่พูดถึงลายสักที่มาจากความคิดสร้างสรรค์และความซับซ้อนในการออกแบบ ซึ่งจะไม่มีรูปแบบใดที่เฉพาะเจาะจง เป็นจินตนาการที่หลุดกรอบ และมีความคิดสร้างสรรค์ ของช่างสักโดยเฉพาะ ที่เป็นตัวกำหนดทิศทาง รอยสักอย่างเฉพาะเจาะจง แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วลายสักแนว Bio นี้จะถูกพบเห็น ในลายสักแนวไบโอแมคคานิคกันมากกว่า ถึงลายสักแนวไบโอแขนงนี้ จะพูดถึงเรื่องชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องจักรมาผสมผสาน กับการทำงานของร่างกายมนุษย์ สามารถสร้างรอยสักให้ดูมีความสามมิติสุดๆ และ มีความคมชัดเหมือนว่ามันเป็นความจริง
แต่ก็มีองค์ประกอบที่สำคัญอย่างเช่น รอยสักแวมไพร์ รอยสักปีศาจ และรอยสักหัวกระโหลก ที่ถูกเข้ามาเพิ่ม เป็นองค์ประกอบให้กับรอยสัก สร้างความน่าสนใจให้กับลายแนว Bio มากขึ้น ลายสักปลาคราฟ รอยสัก รอยสักการ์ตูน หรือแม้แต่ รอยสักซามูไร มักจะไม่ค่อยได้มีการพบเห็น ใน การทำงานในลายสัก แนว Bio สักเท่าไหร่ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ได้ว่า รอยสักแนว Bio นั้น เป็นลายสักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ส่ง ตรงจากช่างสักถึงลูกค้า โดยลูกค้าแต่ละคนนั้นจะได้รับ สิ่งที่เหมาะสมกับเขา จากช่างสักที่ใช้ฝีมือโดยเฉพาะ วัฒนธรรมเหล่านี้จึงทำให้รอยสักแนวไบโอนั้น มีความแนบแน่น ถึงแม้ว่าจะเป็นคนกลุ่มเล็กๆที่ชื่นชอบลายสักแนวนี้ก็ตาม แต่ทุกๆผลงานที่ช่างสักแนว Bio ได้รังสรรค์ออกมานั้น เป็นการตอกย้ำอีกขั้นว่า ลายสักแนวไบโอ ได้รับความสนใจและถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งรอยสักแนว Bio นั้นมีรูปแบบที่แตกต่างกันสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย แม้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้ชายก็ตาม ซึ่งทำให้คุณจะสามารถพบเห็น รอยสักแนวBioผู้ชาย มากกว่า รอยสักแนวBioผู้หญิง โดยคุณจะสังเกตเห็นได้ว่า มีผู้ชายจำนวนมากที่ชื่นชอบ รอยสักBioขนาดเต็มแขน รอยสักBioขนาดเต็มขา รอยสักBio และ รอยสักBioหน้าอก
รอยสักแนว Bio นี้เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ จึงต้องการแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ทางกายภาพ ด้วยการใช้สัญลักษณ์ของรอยสัก ลายสักเหล่านี้ได้สะท้อนถึงอารมณ์ของผู้ที่ได้รับมัน ไม่ต่างกับลายสักประเภทอื่นๆ แม้ว่ารอยสัก Bio นี้จะมีช่างสักน้อยกว่าก็ตาม แต่ในอีกแง่นึง รอยสักแนว Bio นี้ก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ตัวเอง ถึงความอดทนความเจ็บปวดจากการสัก รวมไปถึงยังจะต้องจ่ายแพง เพื่อให้ได้รับกับศิลปะที่พวกเขาชื่นชอบ โดยคนกลุ่มนี้จะแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลในความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างลึกซึ้ง
รอยสักแนว Bio นั้นเป็นรอยสักที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อ งและถูกต่อยอดความคิดได้อย่างมากมาย จึงเกิดเป็นลายสักที่มีกลิ่นอายจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวของช่างสักแต่ละบุคคล ซึ่งรอยสักแนวไบโอ 2 ประเภทใหญ่ๆที่สามารถแบ่งได้นี้ นั่นก็คือรอยสักแนวไบโอแมคคานิค และรอยสักแนวไบโอออแกนิค ซึ่งจะแตกต่างกันอย่างไรเราไปดูกัน
@jesselevitt
รอยสักแนว Bio Organic นั้น เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ขณะนั้น ลายสักแนวไบโบออแกนิคนี้ถือว่ามีความใหม่และ คนยังเข้าถึงยาก ในยุคนั้นเป็นยุคที่ประเพณีการสักได้รับความนิยมอย่างสุดยอด จึงมีการคิดค้นรอยสักใหม่ๆขึ้นมากมาย ซึ่งลายสักแนวไบโอออแกนิคก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นที่รู้กันดีว่า รอยสักแนว Bio Organic และรอยสักBio mechanics นั้น เป็นรอยสักที่เกิดมาพร้อมกัน ด้วยการออกแบบลายสักที่วุ่นวายมากขึ้นของช่างสัก ที่หวังจะสร้างลายสักใหม่ๆขึ้นจากแนวคิดใหม่ๆ
ศิลปะบนเรือนร่างแนวนี้ ถูกบุกเบิกขึ้นจากช่างสักชาวอเมริกัน 2 คน Guy Aitchison และ Aaron Cain ซึ่งช่างสักทั้งคู่นี้ เป็นช่างสักที่ใช้รูปแบบกลไกของมนุษย์ ผสมผสานเข้ากับ กระดูก เลือดเนื้อ ตับไตไส้พุง รวมไปถึงรอยสักบางชิ้นของพวกเขาก็ยังสื่อไปในทางBio mechanics ที่จำลองให้ร่างกายของมนุษย์นั้นกลายเป็นเครื่องจักร ช่างสักทั้งสองนี้ถือว่าเป็นช่างสักที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอย่างสูง แต่แนวคิดของช่างสักทั้งคู่นี้ก็ไม่ได้มาจากฝันร้ายของพวกเขา แต่มันเริ่มต้นมาจากฝันร้ายของ H.R. Giger
H.R. Giger ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานจากฝันร้ายของตัวเอง เป็นผู้บุกเบิกกรุยทาง สร้างความสวยงามทางชีวะกลศาสตร์ ผสมผสานเข้ากับแนวคิดที่น่ากลัว ศาสนา รวมไปถึง เรื่องภูตผีปีศาจ และเอเลี่ยนนอกโลก รูปแบบรอยสักของ Aitchison และ Cain มาพร้อมกับสีสันที่โดดเด่น และองค์ประกอบของการเรืองแสง แต่ในทางกลับกันสไตล์ดั้งเดิมของ Giger เป็นสีดำ และสีเทา ที่รังสรรค์มาจากการใช้แอร์บรัช
ศิลปะของ H.R. Giger ในยุคสมัยนั้น สร้างสาวกผู้ชื่นชอบรอยสักที่ใส่ไปในทางมืดมนรวมไปถึง ร้านสักที่มีเทคโนโลยีจากนอกโลกและ รอยสักที่มีเอกลักษณ์ในความเป็นตัวของตัวเองสูง รวมไปถึงความหวาดกลัวจากคนทั่วโลก จากหนังเรื่องเอเลี่ยนภาค 1 ที่ H.R. Giger เป็นผู้รังสรรค์ effect และ องค์ประกอบศิลปะทั้งหมด
H.R. Giger
เมื่อหนังเรื่องเอเลี่ยนได้เริ่มฉายในปี 1979 ภาพยนตร์ไซไฟสยองขวัญเรื่องนี้ ได้เปลี่ยนแนวคิดของคนทั้งโลกเกี่ยวกับเอเลี่ยนไปตลอดกาล ซึ่งในเหตุการณ์นี้ สร้างและกำเนิดภาพยนตร์สุดคลาสสิคลัทธิเอเลี่ยนขึ้นมา แต่ว่าแก่นแท้ทั้งหมดไม่ใช่ความน่ากลัวของเอเลี่ยน แต่เป็น special effect รวมไปถึง ผลงานศิลปะทั้งหมด ที่อยู่เบื้องหลังในภาพยนตร์เรื่องนี้ ถูกรังสรรค์โดยศิลปินจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตัวละคร Alien รวมไปถึง ยานเอเลี่ยน และความสุนทรีย์ทางด้านชีวกลศาสตร์ ทำให้มีคนที่ชื่นชอบจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นสาวกงานศิลปะของ H.R. Giger
ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว Bio mechanical นั้นเป็นการผสมผสานรูปแบบอวัยวะภายในต่างๆให้เข้ากับโครงสร้างที่มีความแข็งเหมือนโลหะ เป็นการผนวกควบรวมของศาสตร์ทั้งสองศาสตร์ให้เข้ากัน อย่างลงตัว ซึ่งศิลปะประเภทนี้ ถูกพลางตัว และถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างเงียบๆในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายในสตูดิโออันดำมืดของสุดยอดศิลปิน H.R. Giger ส่งผลให้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ศิลปะทางชีวกลศาสตร์ ก็ได้รับความนิยมตลอดมา รวมไปถึงมีการแตกยอดศิลปะไปอย่างมากมาย จากสาวกที่ชื่นชอบและมีแนวคิดคล้ายๆกับ H.R. Giger
H.R. Giger
ในฐานะจิตรกรและศิลปิน H.R. Giger ได้ทำงานเพื่อสร้างสรรค์สื่อที่เปลี่ยนร่างกายมนุษย์ รวมไปถึงอวัยวะภายในของมนุษย์ ผสมผสานเข้ากับโลหะ และมนุษย์ต่างดาว ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ เขาได้เผยว่า ผลงานทั้งหมดของเขา ถูกรังสรรค์มาจากความฝันร้าย จึงไม่แปลกว่าผลงานศิลปะของ H.R. Giger นี้จะสื่อไปในทางสยองขวัญซะส่วนใหญ่ ผลงานของเขาเริ่มได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในช่วง 1980 เนื่องจากได้มีนักศิลปะ นอกกรอบหลายๆคนที่ ยกย่องให้ H.R. Giger เป็นเจ้าพ่อแห่งวงการศิลปะแนวดาร์กน่ากลัว ซึ่งความน่ากลัวเหล่านี้ได้ถูกจินตนาการและคิดค้น ว่าพวกมันมาจากนอกโลกจึงเป็นแนวคิดที่สุดโต่งพอสมควร
H.R. Giger ไม่เพียงแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักศิลปะรวมไปถึงช่างสัก แต่ผลงานของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ในการสร้างงาน ศิลปะผ่านทางบทเพลงและ เป็นสื่อกลางเพื่อช่วย ตีความบทเพลงออกมาเป็นรูปภาพได้อย่างน่าสนใจ มีศิลปินจำนวนไม่น้อยที่ ได้นำผลงานของ H.R. Giger นี้ มาเป็นแนวคิด หรือแม้แต่นำผลงานมาเป็นปกของอัลบั้มให้กับวงดนตรีของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นวง Celtic Frost และวง septic flesh โดยเฉพาะวง septic flesh ที่มีรูปลักษณ์ รวมไปถึงการแสดงออกที่สื่อถึงศิลปะชีวะ กลศาสตร์ ดูจากเครื่องแต่งกายที่พวกเขาได้แต่งตัว ที่ได้กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของวงนี้ไปเสียแล้ว ละวง Celtic Frost ที่ได้นำ ผลงานของ H.R. Giger ที่ชื่อว่า To Mega Therion มาเป็นปกอัลบั้ม ของวง
H.R. Giger
กลับมาดู ในวงการสักกันบ้าง ลายสักแนว Bio นั้น ถูกพัฒนามาอย่างเรื่อยมา จากแนวคิดรวมไปถึง การเปิดโลกผสมผสานแนวใหม่ๆเข้าไป จึงทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า H.R. Giger นี้เหมือนเป็นไอดอลที่สำคัญสำหรับช่างสักประเภทนี้ เนื่องจากบนโลกใบนี้ยังไม่มีศิลปินท่านไหนเลยที่รังสรรค์ผลงานออกมาได้เป็นเอกลักษณ์เท่า H.R. Giger แล้วคิดรวมไปถึงวิธีการสักแนว Bio ทั้งแนว Bio mechanical และแนว Bio organic ซึ่งลายสักเหล่านี้ได้รับอิทธิพลมาจากหนังไซไฟและหนังสยองขวัญ ที่ถูกบ่มมาจาก H.R. Giger และเหล่าสาวกจำนวนมากทั่วโลก
ศิลปะแขนงนี้เริ่มมีการเปิดกว้างต่อการตีความมากขึ้น ดังนั้น อาจจะมีสาเหตุหลายประการ ที่คนเลือกสักลายสัก Bio และ มีหลายต่อหลายคนที่พูดว่า การออกแบบทางชีวกลศาสตร์นั้น เป็นตัวแทนของความดำมืดบนโลกมนุษย์ รวมไปถึง เป็นตัวแทนของมนุษย์ต่างดาวที่ได้อาศัยอยู่ในร่างกายของเจ้าของลายสักท่านนั้น ลายสักเหล่านี้รวมไปถึงการ ออกแบบให้มันดูมีความดุร้าย และ น่ากลัว อย่างปีศาจ ล้วนมีนัยยะต่อช่างสักและลูกค้าไม่น้อย หลายๆคนเลือกจะสักแนว Bio เอาไว้ที่ร่างกาย เนื่องจากมันเป็นตัวแทน ของเงามืดในส่วนหนึ่งของชีวิตเค้า ซึ่งถูกเก็บงำมาโดยตลอดโดยไม่มีใครรู้
โดยรูปแบบการออกแบบที่น่ากลัวและซับซ้อนของมันนั้น จึงทำให้ลายสักแนวไบโอดึงความสนใจ จาก คนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี และเป็นรอยสักที่ตั้งคำถามให้กับผู้พบเห็นลายสักว่าเทคนิคการสักอย่างนี้ทำอย่างไร รวมไปถึงการสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาเป็น 3 มิติ สามารถดึงดูดผู้คนได้มากพอสมควร โดยกว่าจะเป็นลายสักแนวไบโอให้คุณได้เห็นกันนั้น ต้องใช้องค์ประกอบ และลักษณะสำคัญทางชีวกลศาสตร์มากมาย ซึ่งลายสักแนวไบโอนั้นจะมีรูปแบบดังนี้
@erickandradeeee
ลายสักแนวไบโอนี้ส่วนใหญ่นั้นเป็นลายสักที่ได้รังสรรค์ จากเทคนิคการเขียนรูปแบบ 3 มิติ ซึ่งจะเป็นวิธีการ ซ่อนลายสักต่างๆเอาไว้ในร่างกายอย่างแนบเนียน ลายสักประเภทนี้จะเผยให้เห็นท่อ และสายไฟ รวมไปถึง ตัวละครน่ากลัวๆ ทั้งหัวกะโหลก กล้ามเนื้อ กระดูก หรือแม้แต่ การเล่าเรื่องถึงมนุษย์ต่างดาว และการจำลองรายละเอียดของธรรมชาติอย่างเช่น ลายไม้ ลายปลาดาว ลายม้าน้ำ และลายปะการัง โดยรังสรรค์ให้เป็นภาพ Abstract พี่มีความลึกและมีสีสันสวยงาม การใช้เทคนิคแหวกเนื้อ หรือแม้แต่ การจำลองให้ รอยสักเหล่านั้น เป็นเช่นเดียวกับเนื้อได้อย่างแนบเนียน ถือว่าเป็นหัวใจหลักๆของเทคนิคการสักBio นี้ ลาย Bio นี้ เป็นลายสักที่ใช้จินตนาการ บวกไปกับการใช้เทคนิคการออกแบบให้เข้ากับสรีระ ทำให้มันมีความน่าสนใจ คุณสามารถเห็นเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาว เครื่องใน ตับไตไส้พุง หรือแม้แต่ เครื่องจักรที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกาย เจ้าของลายสักเท่านั้น
รูปแบบการสักแนว Bio นี้ เป็นการเคลื่อนไหวทางนามธรรมของการไหลเวียนตามธรรมชาติ ซึ่งตัวละครต่างๆที่ ช่างสักแนวไบโอนิยมนำมาจับให้เป็นเรื่องเป็นราวนั้น ก็ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติทั้งสิ้น ซึ่งได้แก่เช่น กระดูก ฟัน หัวกะโหลก ร่างกายมนุษย์ หรือแม้แต่ รายละเอียดของ อวัยวะต่างๆของสัตว์ ต้นไม้ เหล็ก
จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมการแข่งขันเฉพาะทางอย่างเช่น ลายสักแนวไบโอขึ้นมา แข่งกันเพื่อสร้างความสมจริงให้กับลายสักได้มากที่สุด โดยเล่าเรื่องราวผ่านกล้ามเนื้อ ของลูกค้า ทุกคนล้วนมีเทคนิควิธีการต่างๆที่จะลวงตาให้ลายสักเป็นลายสัก 3 มิติ ที่ดูโดดเด่นและน่าสนใจ ทั้งลายสัก Bio แบบสีและลายสัก Bio แบบขาวดำ
หากคุณกำลังมองหาช่างสักหนึ่งคนที่มีความเชี่ยวชาญรอยสักแนว Bio คุณอาจจะตัดสินใจง่ายๆจากการออกแบบผลงานของเขา ว่าถูกใจเข้าตาคุณหรือเปล่า เพราะช่างสักแนว Bio ส่วนใหญ่นั้น นิยมการ สักแบบ freehand การสักแบบ freehand นั้นคือ การสักโดยไม่มีการลอกลาย แต่เป็นการขึ้นรูปขึ้นลายจากการวาดผ่านปากกาลงบนผิว เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ และมีความรวดเร็วในการสักมากขึ้น เพราะลายสัก แนว Bio นั้นต้องอาศัยสรีระร่างกายของมนุษย์เป็นแรงขับให้ ลายสักเหล่านั้นมีความสมจริงมากขึ้น ส่วนโค้งเว้าต่างๆสามารถสร้างมิติที่ดูเป็นงานปั้นนูนต่ำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สร้างความน่าสนใจเป็นอย่างมากให้กับวงการสักทั่วโลก
@blackbubble_art
โดยปกติแล้วรอยสักแนว Bio นี้ จะมีช่างสักที่ได้ระดับความนิยมรวมไม่ถึงได้รับการยกย่องให้เป็นช่างสักที่มีฝีมือระดับโลก ไม่ต่างกับช่างสักแนวอื่นๆ ซึ่งสิ่งที่ช่างสักแนวนี้นำมาตัดสินกันว่า ลายสักแบบไหนที่เป็นลายสัก ที่มีความ น่าสนใจและเหมือนจริงมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น Roman Abrego, Paul Booth และ Nick Baxter การออกแบบเหล่านี้มักจะหลอมรวมกับโครงสร้างภายในของร่างกายมนุษย์เช่น เส้นเลือด เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ อวัยวะ คุณจะเห็นการใช้ ปะการัง กระดูก โลหะ ต้นไม้ เปลือกไม้ และองค์ประกอบอื่น ๆ
ช่างสักเหล่านี้ทำงานได้แตกต่างกันไป โดยช่างสักบางท่านมีความโดดเด่นในการใช้สีและผสมผสานมัน ให้มีความลึกโดยใช้เทคนิคของการทำให้ภาพเป็น 3 มิติ โดยช่างสักอย่าง Roman Abrego และ Nick Baxter งั้นจะเป็นลายสักแนว Bio Organic สี พวกเขาได้นำรายละเอียดต่างๆบนตัวปลาดาว ปะการัง หรือแม้แต่รูปทรงของเครื่องใน กระดูก มาผสมผสาน เกิดเป็นงานที่น่าทึ่งขึ้น แต่ช่างสักอย่าง Paul Booth จะใช้เทคนิคการใช้สีดำเป็นหลัก โดย Paul Booth ให้เหตุผลว่า ลายสักสีดำของเขานั้น สามารถคมชัดได้ถึง 20 ปี เขามองว่าหากลายสักที่ดี ควรจะเป็นลายสักที่ยังสวยอยู่แม้กาลเวลาจะผ่านไปถึง 20 ปี ลายสักของเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับช่างสักยุคใหม่ๆที่สนใจลายสักแนวไบโอกานิค ผสมผสานกับความเชื่อจากลัทธิปีศาจและความตาย หรือแม้แต่ช่างสักบางท่านได้แตกแขนง ไปเล่าเรื่องราวปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดจาก เอเลี่ยน และ มนุษย์ต่างดาว
@thekillingmoon
ลายสักแนว Bio mechanics นี้ เป็นลายสักที่ใช้แนวคิดทางชีวะจักรกลละศาสตร์ ซึ่งเป็นลายสักอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความสนใจ และมีต้นกำเนิดมาพร้อมๆกับลายสักแนว Bio organic แต่ลายสัก Bio mechanic นี้ เป็นการเล่าถึงอวัยวะต่างๆของคน ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นเครื่องจักร โดยใช้วิธีการเดียวกัน กับลายสักแนว Bio organic หากคุณยังนึกไม่ออกให้คุณนึกถึงหนังเรื่องคนเหล็ก ที่มีตัวละครเอกเป็น อาโน ชวาสเนกเกอร์ ในฉากนึงที่ได้ปรากฏแผลเหวอะเต็มร่างกายไปหมด แต่ภายใต้ผิวหนังของ คนเหล็กนั้น เป็นเครื่องจักรสังหาร ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนภาพยนตร์หรือไม่ก็ตาม คุณก็จะต้องตกตะลึงไปกับเทคนิคการสัก รูปแบบ 3 มิติที่ช่างสักแนวไบโอแมคคานิคนี้ได้พร้อมเพียงกันมารังสรรค์ไว้อย่างมากมาย
สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับรอยสักนี้ พร้อมกับรอยสักbio อื่น ๆ คือคุณสามารถจัดวางตำแหน่งนี้ได้ทุกที่ในร่างกายของคุณที่คุณต้องการ โดยปกติแล้ว รอยสักประเภทนี้จะอยู่บนแขน เป็นแขนเสื้อ หรือครึ่งแขน ต้นแขนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับลายสักประเภทนี้ และปลายแขนเช่นกัน ครึ่งล่างของแขนก็เป็นอีก ตำแหน่ง 1 หนึ่งที่ให้ลุคแบบ ‘ไซบอร์ก’ อย่างแท้จริง ตำแหน่งเหล่านี้ เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของโลกไซไฟและแฟนตาซี รอยสักเหล่านี้แม้จะวางไว้บนหน้าอก มันก็ดูน่าสนใจไม่แพ้กัน หน้าอกก็เป็นสถานที่ที่น่าสนใจโดยเฉพาะเหนือหัวใจ เห็นได้ชัดว่าหุ่นยนต์ไม่มีหัวใจ แต่มีวาล์วและปั๊ม รอยสักไซบอร์ก หรือไบโอแมคคานิคบนตำแหน่งหัวใจ จะทำให้เป็นภาพกราฟิกที่น่าสนใจ แทนที่จะมีหัวใจอยู่สวิตช์ เท่านั้น อีกจุดที่เป็นที่นิยมคือด้านหลังซึ่ง สามารถออกแบบ เป็นชุดของสายไฟและวงจรที่ตกแต่งกระดูกสันหลัง รอยสักทางไบโอแมคคานิคเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยสี แต่ส่วนใหญ่มักเห็นเป็นเพียงหมึกดำและเงา
@jeffcroci
@thekillingmoon
สิ่งที่คุณควรคำนึงถึงก่อนการสักลายสักแนวไบโอแมคคานิคนี้ คุณควรจะตระหนักว่า ลายสักแนวไบโอแมคคานิคนี้ เป็นลายสักที่ดูสวยหากเมื่อมันถูกวางไว้บนตำแหน่งร่างกายที่มีพื้นที่เยอะๆ การที่จะสักลายสักแนวไบโอแมคคานิคนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีความอดทนในการสัก รวมไปถึง คุณต้องพกเงินเอาไว้เยอะๆด้วยเช่นกัน เนื่องจากลายสักที่มีขนาดใหญ่นั้น เป็นลายสักที่มีราคาแพงทั้งสิ้น รวมไปถึงคุณต้องแน่ใจได้อย่างแน่ชัดว่า ช่างสักที่ได้รับผิดชอบผลงานของคุณนั้น มีความสามารถเพียงพอที่จะทำงานไบโอแมคคานิคขึ้นมาได้ เนื่องจากสิ่งต่างๆที่ได้นำมาผสมผสานกันจนเป็นงานแมคคานิคนี้ไบโอแมคคานิคนี้ เป็นเทคนิคที่ต้องอาศัยประสบการณ์และพื้นฐานในการทำงานมากพอสมควร แน่นอนว่าช่างสักหลายต่อหลายคนสามารถสักตามแบบจากอินเทอร์เน็ตได้ แต่ลายสักแนวไบโอแมคคานิค นี้ถือว่าเป็นลายสักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งจะเป็นลายสักที่มีไว้เพื่อสำหรับคุณโดยเฉพาะ
ในปัจจุบันนั้นได้มีช่างสัก ที่ให้ความสนใจกับลายสักแนว Bio กันอย่างมากมาย รวมไปถึงลายสักแนวไบโอนั้นได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ไปอย่างมากมาย วันนี้เราได้รวบรวมช่างสักฝีมือยอดเยี่ยมระดับโลก มาฝากเพื่อนๆ ว่าเขาว่าจุดเด่นของลายสัก Bio ในแนวที่เป็นแบบเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง อย่ารอช้าเราไปดูกันเลยครับ
@guyaitchisonart
Guy Aitchison (เกิดปี 1968) เป็นช่างสักและจิตรกรที่เกิดในมิชิแกน เริ่มวาดภาพปกอัลบั้ม เพลง ในปี พ.ศ. 2528 และเริ่มสักในปี พ.ศ. 2531 เขายังได้ออกหนังสือหลายเล่ม และเป็นเจ้าของร้านสักที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง Hyper Space Studios กับภรรยาของเขา Michele Wortman ซึ่งเป็นช่างสักและจิตรกรด้วย เช่นกัน พวกเขาทั้งคู่เคยปรากฏตัวใน Tattoo Wars ของ TLC ในปี 2550 เขาเป็นพี่ชายของ ฮันนาห์ เอทชิสัน อดีต ช่างสักผู้มีชื่อเสียงของ LA Ink เขายังเป็นศิลปินรับเชิญใน LA Ink ด้วย เขาเป็นผู้สักรอยสักแรกให้แก่ ร็อบ ซอมบี้ Rockstar ชื่อดัง ในปี 1989 เมื่อเขาอายุ 21 ป
Guy Aitchison ได้ฝึกงานที่ Jacklich Corporation ในแผนกศิลปะเมื่ออายุ 17 ปี หลังจากฝึกงานเสร็จเขาก็เริ่มวาดภาพปกแผ่นเสียง ซึ่งปกอัลบั้มเพลงที่มีชื่อเสียง ที่เขาได้ออกแบบนั้น มีอัลบั้มที่มีชื่อเสียง ของศิลปิน มากมายอย่างเช่น สำหรับ Vinnie Moore, David Chastain, Apocrypha, Hex, Skatenigs และส่วนใหญ่เป็น บริษัท Shrapnel Records ในแคลิฟอร์เนีย ในปี 1989 เขาเริ่มฝึกงานด้านการสักที่ Custom Tattooing ของ Bob Oslon ในชิคาโกเป็นเวลาสองปี จากนั้น เขาเปิดสตูดิโอสักของตัวเอง Guilty & Innocent Productions ซึ่งยังคงเป็นร้านที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ จนถึงปี 1998 เมื่อ ร้านสัก ปิดตัวลงเขาได้ย้ายไปมุ่งเน้นไปที่การวาดภาพมากขึ้น
@guyaitchisonart
ในปี 2012 Guy Aitchison ได้เข้าร่วมในการประชุมระดับนานาชาติครั้งแรกของชุมชน Tattoo ซึ่งศิลปินรอยสักระดับโลกเช่น Bob Tyrrell, Stéphane Chaudesaigues, Joe Capobianco, Jeff Gogue, Alex De Pase, Boris, Nikko Hurtado, Nick Baxter เข้าร่วมสัมมนาใน ทักษะทางเทคนิคต่างๆ จุดประสงค์ของงานนี้คือเพื่อให้ช่างสักมีโอกาสที่จะพัฒนาระดับของพวกเขา Worldwide Tattoo Conference ฉบับปี 2012 จัดขึ้นที่ชิคาโกและลอนดอน
ถือว่าตัวเขาเองเป็นผู้บุกเบิกรายสักแนว Bio Organic ขึ้นมา ซึ่ง ลายสักแนวไบโอที่เขาได้เริ่มรังสรรค์ มาตั้งแต่ยุค 1980 ถือว่าเป็นช่างสักคนแรกๆที่เป็นแรงบันดาลใจ รวมไปถึงสร้างอิทธิพลให้กับลายสักที่เกิดขึ้นในช่วงยุคหลังๆ
@cainforge
Aaron Cain เขามีประวัติที่ไม่แน่ชัดนัก ซึ่งเขาเป็นที่รู้จักกันดีในสังคมช่างสักว่า เป็นผู้เริ่มก่อตั้งลายสักแนวไบโอมาพร้อมๆกันกับที่Guy Aitchison กล่าวคือพวกเขาคือเพื่อนร่วมประกอบอาชีพนี้ และกรุยทางมาด้วยกัน Aaron Cain มีชื่อเสียง หลังจากที่เขาได้ปรากฏตัวในTattoo Wars กับ Guy Aitchison
สิ่งที่ตัว Aaron Cain และ Guy Aitchison ได้วางแนวทางเอาไว้นั้น ถือว่าเป็นถือว่ามีประโยชน์สำหรับช่างสักแนวBioในยุคใหม่มากๆ ลายสักของเขาทุกๆลายถือว่าเป็นการเปิดโลกให้กับลายสักแนว Abstract เช่นนี้ แม้ว่าปัจจุบันนั้น Aaron Cain จะห่างหายจากงานสักไปนานแล้วก็ตาม
@cainforge
คุณยังคงสามารถติดตามผลงานของ Aaron Cain ได้จากทาง IG ของเขาซึ่งในตอนนี้เขาได้ผันตัวมา เป็นผู้ผลิตเครื่องสักคอย ที่มีการออกแบบโดยเฉพาะ และแน่นอนลวดลายรวมไปถึงโครงของเครื่องคอยนั้น เป็นงานไบโอทั้งหมด
@david.jorquera
david jorquera มีความโดดเด่นเป็นอย่างมากสำหรับลายสักแนวไบโอออแกนิก ที่มีความน่ากลัวผสมผสานกันระหว่างหัวกระโหลกและ ศาสตร์ด้านมืด รวมไปถึงใส่รายละเอียดให้ดูมีความน่ากลัว และดูมีความเป็นต่างดาวมากขึ้น ตัวเขาเองได้สักมาแล้วถึง 13 ปี ทุกวันนี้ เขาได้เป็นมืออันดับต้นๆของร้านสักที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆของโลกนั่นคือ Last Rite ของ PaulBoots ซึ่งก่อนหน้านั้น ตัวเขาเองก็เป็นคนที่ชื่นชอบในการวาดรูป และได้ทำงานกราฟฟิกมาก่อน ตัวเขาเองเล่าว่าเขาได้มีแนวคิด ลายสัก Bio Organic มาตั้งแต่เริ่มต้นสักก่อนหน้าที่จะมาร่วมทีมกับ Last Rite แล้ว งาน Dark Art และงานไบโอถือว่าเป็นงานที่สร้างความสุขให้แก่เขา ในทุกๆวันนี้เขาได้มาปักหลักอยู่ที่อเมริกาข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากโปแลนด์ ความโดดเด่นของลายสัก จาก david jorquera นั้น เขาได้หยิบยก ธรรมชาติต่างๆมาเป็นธีมในการสักของเขา เขาได้ผสมผสานรากไม้ พื้นดิน ต้นไม้ รวมไปถึงกระดูก แม้แต่ตับไตไส้พุง หัวกระโหลก ให้เข้ากันได้อย่างน่ามหัศจรรย์
@david.jorquera
ในปัจจุบันนี้ david jorquera นั้นถือว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมากสำหรับลายสักแนวไบโอนี้ มีคนไม่น้อยเลยที่ยกย่องให้เขาเป็นตัวแสบอันดับต้นๆ เพื่อนๆยังคงสามารถติดตามผลงานของเขาได้ผ่านทาง IG ที่เราให้ไว้ทางใต้รูปได้เลยนะครับ รับรองเลยว่าสาวกชาวดาร์คถูกใจกันอย่างแน่นอน
@jesselevitt
Jesse Levitt เป็นช่างสักและจิตรกรจากเบอร์ลิงตันเวอร์มอนต์ ตัวเขาเองเป็นคนที่ชื่นชอบในการเดินทางข้ามประเทศ และปรากฏตัวที่เทศกาลลายสักในต่างประเทศบ่อยๆ ผลงานของ Jesse Levitt นี้ ส่วนใหญ่ จะเป็นลายสักแนวขาวดำ ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ร่างกายมนุษย์ผสมผสานเข้ากับ ไอเดียแนวคิด ของความเป็นต่างดาว รวมไปถึงศาสตร์ด้านมืด และศาสนา เขาชื่นชอบเป็นอย่างมากในการรังสรรค์ให้ออกมาเป็นสไตล์ของตัวเอง ช่างสักท่านนี้ ใช้วิธีการสักด้วยการ freehand นั่นคือการใช้ปากกาเขียนลงบนผิว แทนที่จะใช้การลอกลายแบบลายสักทั่วๆไป นั่นจึงทำให้ ตัว Jesse Levitt นั้นสามารถสร้างผลงานได้มีความน่าสนใจมากขึ้นจากสรีระร่างกายมนุษย์ คุณอาจจะพบคุณสามารถพบกระดูก กระดูกซี่โครง กระดูกเชิงกราน หรือแม้แต่ กระดูกโครงสัตว์แปลกๆจากนอกโลก ที่เขาได้รังสรรค์และจินตนาการขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
@jesselevitt
ในขณะนี้ถือว่า Jesse Levitt นั้นเป็นช่างสักที่เนื้อหอมพอสมควร ล่าสุด เขาได้ทำการเพ้นท์รูปให้กับหน้าปกวง Death Metal ชื่อดังอย่าง Skinless แล้วยังมีการเดินทางทัวร์ไปแล้วทั่วโลก นอกจากนั้นตัวเขาเองยังเป็นช่างสักที่ถูกจับตามองมากที่สุด สำหรับนักดนตรีนักร้องในวงการเพลงเมทัล Heavy Metal เพราะ สิ่งที่เข้าได้รังสรรค์นั้นเหมาะกับสาวกผู้ชื่นชอบดนตรีหนักหู
เพื่อนๆ สามารถติดตามผลงานของเขาเพิ่มเติมได้จากทาง IG หรือหากเพื่อนๆต้องการอยากจะติดต่อสอบถามเพื่อจะสักกับช่างสักท่านนี้ ก็สามารถติดต่อผ่านทางอีเมล์เพื่อเป็นการจองนัดหมายได้เลยนะครับ
@josh_duffy
josh duffyนั้น เกิดมาเพื่อเป็นศิลปินจริงๆ เขาเล่าว่าตัวแม่เขาเองก็เป็นจิตรกรเช่นเดียวกัน มันเหมือนเป็นคำสาปทางสายเลือดที่เขาจะต้องรักในการวาดรูป เช่นเดียวกับแม่ของเขา ถึงกระนั้นแม่เธอก็เป็นศิลปินที่มีความประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก หลายๆครั้งที่รู้สึกว่าเขากำลังอยู่ภายใต้เงาของเธอ แม้ว่าทั้งคู่จะมีเส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในโลกศิลปะ ตัวเขาเองชื่นชอบในการรังสรรค์งานศิลปะมาทั้งชีวิต แล้วยังโหยหา เพิ่มเติม ถือว่าเป็นช่างสักที่เกิดมาในครอบครัวจิตรกรทั้งหมด ทั้งพ่อ แม่ พ่อเลี้ยง และพี่ชายของเขาล้วนเป็นศิลปินทั้งหมด เขาจึงเป็นช่างสัก ที่มีการพัฒนาตัวเองได้สูงมากๆ เพื่อเป็นการแข่งขันรวมไปถึงสร้างความประทับใจให้กับคนในครอบครัว นอกจากที่ josh duffy ซึ่งตัวเขาเองก็เป็นแฟนเพลงเฮฟวี่เมทัล นั่นจึงทำให้หลายๆผลงานที่เขาได้รังสรรค์ออกมานั้นไปตรงใจกับสาวกชาวหนักกะโหลก
@josh_duffy
ผลงานของ josh duffy นั้นถือว่าเป็นผลงานที่ได้ผสมผสานกันระหว่างลายสักแนวภาพเหมือนกับลายสักแนวไบโอได้อย่างพริ้วไหว และดูมีมิติงดงาม สิ่งที่จะพบได้ในลายสักของ josh duffy นั่นก็ คือริบบิ้นที่ปลิวว่อนอยู่ในทุกแบบรอยสักของเขา ซึ่งจะสร้างความรู้สึกให้เห็นถึงความลึก ความตื้นของภาพชิ้นนั้นๆได้อย่างเหนือชั้น แล้วสวยอย่างเหลือเชื่อ
เพื่อนๆ สามารถติดตามผลงานของโจ๊กฟรีได้ ผ่านทาง IG และ facebook ซึ่งทั้ง 3 ท่านนี้ มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และมีฝีมือที่พัฒนาขึ้นไปในทุกๆท่าน เป็นช่างสักอีกท่านที่น่าจับตามอง มากๆเลยทีเดียว
@jeremiahbarba
Jeremiah Barba มีประสบการณ์ในการสักประมาณ 2 ทศวรรษ ด้วยผลงานการออกแบบและการสักของเขา กำลังสร้างชื่อให้กับตัวเองไปทั่วโลก เขาเคยได้รับรางวัลกว่า 50 รางวัลจากการประกวดในเทศกาลลายสัก กับรอยสักที่ได้รับการยอมรับทั่วสหรัฐอเมริกาและในประเทศอื่น ๆ การออกแบบที่มีรายละเอียด และประณีตอย่างมีศิลปะของ Barba ทำให้เกิดเป็นกระแส และสร้างผลงานที่นอกเหนือจากไลน์สักไปมากมาย คุณสามารถพบเห็นผลงานของเขาได้ ตาม นิตยสารและเสื้อยืดของ Sullen Art Collective ทั่วโลก ในฐานะหนึ่งในศิลปินชั้นนำในอุตสาหกรรมสำหรับ ลายสักน่ากลัว กะโหลกศีรษะ ปีศาจ สัตว์ประหลาด และทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชีวิตอยู่ด้านมืดของรูปแบบงานศิลปะ
Conclave Art Studio คือสตุดิโอและร้านสักส่วนตัวของ Barba ในซันเซ็ตบีช แคลิฟอร์เนีย สถานที่นี้ ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักสะสมรอยสักที่ต้องการเพิ่มบางสิ่งบางอย่าง ทั้งสวยงามและน่าขนลุกเล็กน้อยสำหรับร่างกายของพวกเขา
แม้ว่าผลงานทั้งหมดของเขาจะเป็นการผลิตมาจากการออกแบบของฝันร้ายของเขาแต่ด้วยความสามารถในการผสมผสานองค์ประกอบทางชีวกลศาสตร์ รายงานเหมือนจริงให้เข้ากับศิลปะของเขา จึงทำให้ลายสักทุกๆชิ้นผสมผสานด้วยความแม่นยำทั้งศิลปะและรายละเอียด ที่สามารถพบได้เฉพาะบนผนังของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งแฟนๆของลายสักของพวกเขานั้น ชื่นชอบทั้งงานคลาสสิคและงานสมัยใหม่ ที่เขาได้ออกแบบ
และอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรจะรู้เกี่ยวกับ Jeremiah Barba คือ เขาเป็นผู้สืบทอดสายเลือดรอยสัก จากช่างสักในตำนานอย่าง cali babra ซึ่งถือว่าเป็นคนที่อบรมและฝึกฝนให้เขามีทักษะในการสักที่ยอดเยี่ยม โดยร้านของเธอเป็นร้านที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ชื่อร้านว่า Outer Limits Tattoo ของใน Orange และ Long Beach ซึ่งเป็นร้านสักที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา
แม้ว่าตัวเขาเอง เหมือนจะเกิดมาเพื่อเป็นช่างสักโดยเฉพาะแต่งานที่เขาทำนั้นก็ถือว่าเป็นลายสักที่มีความ มีจินตนาการสูงรวมไปถึงมีเทคนิค และ มีทักษะที่สูงเช่นเดียวกัน เขาชื่นชอบในการออกแบบผลงานลายสัก Bio เป็นอย่างมาก นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจเดินทางรังสรรค์ลายสัก Bio Organic อย่างเต็มพิกัด หลังจากที่เขาได้เริ่มเรียนรู้ในการทำงานร่วมกับช่างสัก แนวสยองขวัญ ที่ได้รับชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลกนั่นก็คือ Paul Booth’s แห่ง Last Rites Tattoo Theatre ในนิวยอร์กซิตี้
@jeremiahbarba
แต่นั่นก็ไม่ได้เพียงพอที่จะดับการใฝ่รู้ของเขาได้ เขาเริ่มเปิดร้านสักเป็นของตัวเองชื่อ Conclave Art Studio ตั้งอยู่ห่างจากร้านสักของ Rick Walters ช่างสักในตำนานเพียงไม่กี่ก้าว ตัว Walters นั้นก็เคยมีส่วนร่วม ในการจ้างแม่ของเธอเป็นช่างสักประจำร้านของเขา แล้วจากนั้นไม่นาน แม่ของเธอก็ได้ซื้อร้านของ Walters ที่เคยบริหารงานเป็นถึงเวลา 25 ปี Jeremiah Barba นั้นจึงถือว่าเป็นช่างสักอีกท่านหนึ่งที่ มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง
ชื่อเสียงของเขาได้โด่งดังไปถึงหูของเหล่านักดนตรีเฮฟวี่เมทัล ที่ชื่นชอบเรื่องนิยายปรัมปรา รวมไปถึงปีศาจและเรื่องราวด้านมืด ได้ต่างตบเท้ากันมาเป็นลูกค้าลายสักของเขาเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างเช่น kerry King มือกีต้าร์วง Slayer และอีกมากมาย หากเพื่อนๆเป็นสาวกเพลงเฮฟวี่เมทัลก็ต้องมีความคิดเห็นเช่นเดียวกันว่าเจ้านี่มันเจ๋งสุดๆไปเลย
เพื่อนๆ สามารถติดตามผลงานเขาเพิ่มเติมได้ผ่านทาง IG Facebook รวมไปถึงเว็บไซต์ส่วนตัว รับรองเลยว่า การได้เห็นลายสักของช่างสักท่านนี้จะทำให้ คุณเปิดใจเปิดโลกได้กว้างขึ้นและรู้จักกับลายสักแนว Bio อาจจะเป็นท่านนึงที่หลงรักไปเลยก็ได้
แล้วก็เดินทางมาถึงในช่วง 10 รอยสักสวยๆที่เว็บไซต์ Becomeinked ได้คัดสรรมาให้เพื่อนๆทุกๆครั้ง ท้ายบทความเช่นเคยนะครับ วันนี้เราจะมาดูกันซิว่า 10 รอยสัก Bio ที่เราได้นำมาฝากเพื่อนๆนั้นจะมีรอยสักไหนที่น่าสนใจ แล้วจะทำให้เพื่อนๆซึ่ง กันบ้าง
@javierobregon.art
รอยสัก biomechanics เต็มแขน รอยสักใบโอชิ้นนี้เป็นรอยสักที่ได้ออกแบบมาได้อย่างลงตัว มีการใช้ความโค้งเว้าของสรีระ เพื่อเป็นการชูให้ลายสักไบโอชิ้นนี้มีความสามมิติมากขึ้น การแรเงานั้นก็ทำออกมาได้อย่างสวยงาม ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นเครื่องจักร เหมือนกับแขนชิ้นนี้ถูกประกอบไปด้วยโลหะมากมาย รอยสักชิ้นนี้ต้องใช้เวลามากกว่า 6 ชั่วโมง หรือทำเป็น 2 รอบ หากคุณไม่มีความอดทนมากพอ ก็คงจะไม่ได้ลายสักชิ้นนี้ขึ้นมานะครับ หากเพื่อนๆชื่นชอบผลงานของช่างสักท่านนี้สามารถตามต่อได้ทาง IG และช่องทางที่เราได้ให้ไว้ใต้รูปได้เลยนะครับ
@jesselevitt
รอยสัก bioorganic เต็มแขน ถือว่าเป็นช่างสักอีก 1 คนที่ถูกจับตามองมากที่สุดในฐานะที่เป็นช่างสักแนว Bio organic ซึ่งลายสักของเขานั้น ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยกระดูก เขี้ยว เล็บ และลูกตา ถูกผสมผสานและสร้างให้มีความสามมิติ เหมือนผุดออกมาจากชิ้นเนื้อ เทคนิคการสักของเขานั้นถือว่าแพรวพราวและตระการตาเป็นอย่างมาก ช่างสักท่านนี้มีชั่วโมงบินยาวนาน รวมไปถึงมีประสบการณ์ในการสักลายสัก Bio มาแล้วนับไม่ถ้วน
@stepannegur
รอยสัก bioorganic เต็มหลัง ลายสักชิ้นนี้ถือว่าเป็นการวางองค์ประกอบ รวมไปถึงการเลือกใช้สีได้โหดมากๆ ช่างสักท่านนี้ชื่นชอบการทำลายสักแนว Bio organic โดยผสมผสานกันระหว่างความโค้งเว้าของเปลือกหอยรวมไปถึงงู และรายละเอียดต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้จาก ภาพยนตร์ไซไฟที่พูดถึงเรื่องเอเลี่ยน ลายสักชิ้นนี้สื่อความหมายออกมาได้อย่างเหนือชั้น และลงตัวเป็นอย่างมาก การวางตำแหน่ง ก็ทำได้เป็นอย่างดี การใช้สีมาขับอยู่บนพื้นหลัง สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลายสักประเภทนี้ได้ ซึ่งช่างสักท่านนี้มีความชำนาญด้านนี้สูง งานทุกชิ้นของเขาถือว่าเหนือชั้นสุด
@stepannegur
รอยสัก bioorganic เต็มหน้าอก อีกครั้งหนึ่งที่เราจะมาดูงานของลายสักช่างจากช่างสักท่านนี้ สาเหตุที่เราได้เลือกลายสักชิ้นนี้ให้เป็นลายสักที่ สุดยอด 1 ลาย นั่นก็เพราะว่าการวางองค์ประกอบรวมไปถึงการวางตำแหน่ง วางออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและลงตัวเป็นอย่างมาก ด้วยการใช้ Texture เล็กๆน้อยๆ ช่วยผลักดันให้ความน่าสนใจของลายสัก Bio Organic ชิ้นนี้มีความสมจริง และดูหน้าสนใจ ครั้งนี้เขาได้นำกระดูกสัตว์ ในรูปทรงต่างๆมาผนวกเข้ากับร่างกายได้อย่างลงตัว และน่าสนใจมีความโค้งมน และให้ความรู้สึกเหมือนกับกระดูกชิ้นนี้เป็นของจริงออกมาจากร่างกายเลย
@jesselevitt
รอยสัก bioorganic เต็มหลัง รอยสัก Bio Organic ชิ้นนี้มาจากช่างสักยอดฝีมือจากอเมริกา ผู้รังสรรค์ชิ้นงานมาบนปกอัลบั้มวงเมทัลมาแล้วนับไม่ถ้วน ด้วยฝีไม้ลายมือรวมไปถึงเอกลักษณ์ของเขาในการหยิบจับ อวัยวะรูปทรงต่างๆ ทั้งสัตว์ คน และ สิ่งที่อธิบายไม่ได้ ทำให้ลายสักของเขาเป็นลายสักที่มีเสน่ห์ และไม่ต้องตีความ ลายสักที่เล่นกับความสนุกสนานของสรีระร่างกาย ทำออกมาให้มันมีความรู้สึกเป็น 3 มิติมากที่สุด งานชิ้นนี้หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นงานที่ทำได้ยากเลยทีเดียว แต่สำหรับเจ้าของผลงานแล้วถือว่าหมูมากๆ
@jeremiahbarba
รอยสัก bioorganic หัวไหล่ และแล้วก็มาถึงผลงานของช่างสัก ผู้การันตีผลงานมากกว่า 2 ทศวรรษ ดีกรีลูกช่างสักสาวในตำนาน ซึ่งในวันนี้ตัวเขาได้ชัดเจนแล้วว่าเขาจะเดินตามเส้นทางของ เหล่านักรบในเงามืดที่ได้ที่ได้รับอิธิพลมาจาก HR Giger และ Paul Boot ผลงานของเขาถือว่าเป็นผลงานที่ดูไม่เบื่อ และมีความหลากหลายทางองค์ประกอบ โดยหลักๆแล้วเขาจะได้แนวคิดและเอกลักษณ์ มาจาก HR Giger รวมไปถึงหนังไซไฟต่างๆ เขาได้หยิบจับและพัฒนาลายสักของเขาให้ดูมีความน่าสนใจ และเหนือชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจะเห็นโครงกระดูก รวมไปถึงท่อ โลหะ ผสมผสานอยู่ในงานของเขาได้อย่างน่าสนใจ และดูลงตัวไปหมด อย่างเช่นลายสักชิ้นนี้ที่วางองค์ประกอบออกมาได้ยอดเยี่ยมรวมไปถึงรายละเอียดต่างๆก็เก็บได้อย่างครบถ้วนดูเป็นธรรมชาติ
@jeremiahbarba
รอยสัก bioorganic เต็มแขน เรายังคงอยู่กับช่างสักระดับโลกท่านนี้ ซึ่งเป็นแนวหน้าของช่างสัก แมว Bio organic ผลงานของเขาส่วนใหญ่จะผสมผสานกันเข้าระหว่างโครงกระดูก ให้มิติที่ดูมีความ perspective และโค้งเว้าเข้ากับร่างกายให้ความน่าสนใจ ด้วยการใช้สีขาว ดำ เทา เท่านั้นทำให้ลายสักของเขาทุกๆชิ้นมีความคลาสสิคและดูมีมนต์ขลังเป็นอย่างมาก เทคนิคที่เขาได้เลือกใช้นั้น ถือว่าเป็นเทคนิคที่ฝึกและตกตะกอนมาอย่างยาวนาน ลายสักชิ้นนี้เป็นการรังสรรค์ และวางองค์ประกอบภาพออกมาได้อย่างน่าสนใจ ให้เหมือนกับท่อนแขนท่อนนี้เป็นท่อนแขนของเอเลี่ยนหรือสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ความสนุกสนานของลายสักแนวไบโอนี้ คือการได้ออกแบบงานที่ล้ำจินตนาการ
@jeremiahbarba
รอยสัก bioorganic หัว เป็นงานโหดอีก 1 ชิ้นที่เขาได้รังสรรค์เอาไว้ ตำแหน่งหัวนั้นถือว่าเป็นตำแหน่งที่สักได้ยาก และไม่ใช่ตำแหน่งที่เรียบง่ายอย่างตำแหน่งทั่วๆไป งานสักชิ้นนี้ถือว่าเป็นงานสักที่ปราบเซียน แต่สำหรับเขาแล้วมันคือลายสักที่สามารถทำออกมาหรือยังสบายๆ การวางองค์ประกอบภาพของงานชิ้นนี้ถือว่าทำออกมาได้อย่างลงตัว มีความเรียบง่ายของการใส่มิติต่างๆเข้าไป แต่โดดเด่นจากสีสันที่เลือกใช้ หากเพื่อนๆชื่นชอบผลงานของช่างสัก ระดับโลกท่านนี้สามารถตามต่อกันได้ทาง IG Facebook และเว็บไซต์ส่วนตัว
@tattoosbylewis
รอยสัก biomechanics เต็มแขน ถือว่าเป็นลายสักที่ร่วมสมัยมากๆ มันถูกจับมาผนวกกับร่างกายมนุษย์อย่างเหนือชั้น และต้องให้เครดิตไปที่ใจของผู้ที่เป็นเจ้าของลายสักชิ้นนี้ด้วยเช่นกัน เป็นลายสักที่ได้แนวสุดๆ และก็ยังดูมีการใช้เทคนิคเฉพาะตัวสูง เป็นลายสักอีก 1 ชิ้นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่หากจะให้สักแล้วก็คงจะมีน้อยคนที่กล้าสักใช่ไหมครับ
@guyaitchisonart
สุดท้ายเราจะไม่พูดถึงช่างสักท่านนี้เลยก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของลายสักแนว Bio นั่นคือการ guy aitchison ช่างสักผู้มากประสบการณ์ เดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาอย่างมากมาย ลายสักทุกๆชิ้นของเขาเป็นการตกตะกอนทางความคิด และรวมไปถึง การตกผลึกในกระบวนการต่างๆได้อย่างดีเยี่ยม เขาเป็นช่างสักอีก 1 ท่านที่ได้รับความเคารพเป็นอย่างสูง ให้เป็นแม่แบบ รวมไปถึงมีอิทธิพลอย่างมากสำหรับช่างสัก แนว Bio ในยุคสมัยนี้ ลายสักชิ้นนี้ออกแบบมาได้อย่างเหนือชั้นและใช้สีสันที่ลงตัวสวยงาม ทุกๆรายละเอียดทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ งานทุกชิ้นของ guy aitchisonนั้นถือว่าเป็นงานขึ้นหิ้งเกือบทั้งหมด
@bradbako
เป็นเรื่องธรรมดาที่ในประเทศไทยจะไม่ค่อยมีใครอินกับลายสักแนวนี้สักเท่าไหร่ แต่ลายสักแนวนี้ก็เป็นลายสักที่เอาไว้ตอบสนองตัณหา ของผู้ที่ชื่นชอบหนังไซไฟ และเรื่องราวน่ากลัว รวมไปถึงศิลปะแบบ ชีวกลศาสตร์ หากจะถามว่าลายสัก Bio นั้นพูดถึงเรื่องอะไร ก็คงจะตอบได้ว่าจริงๆแล้วลายสัก Bio เป็นเหมือนเพียง project ทางความคิดของช่างสักท่านนั้นๆ นั่นหมายความว่าลายสักที่ท่านจะได้จากช่างสักท่านนั้น มันเป็นลายสักที่เป็นลายสักของคุณโดยเฉพาะ เพราะ แก่นแท้ที่สำคัญสำหรับงานไบโอนั้น คือการทำให้ร่างกายของมนุษย์มีความน่าสนใจมากขึ้น การสร้างมิติ รวมไปถึงเปลี่ยนแปลง ดัดแปลงร่างกาย ได้ด้วยศิลปะโดยไม่ต้องลงมือทำจริงๆ ถือว่าเป็นแนวคิดที่แปลกประหลาด แต่ก็น่าสนใจเลยทีเดียว มันจึงไม่แปลกเลยว่า นักสะสมรอยสักทุกคนที่คลั่งไคล้ลายสักแนวนี้ จะอุทิศตัวให้กับการสักและทุ่มเทไปกับมัน
@guyaitchisonart
เช่นเดียวกับ วงการช่างสักที่มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าในประเทศไทยจะไม่เห็นมีการเคลื่อนไหวทางด้านลายสักแนวไบโอกันมากนัก แต่เกือบทั่วทุกมุมโลกรอยสัก Bio ได้แผ่กระจาย รังสีดำมืด ครอบคลุมไปแล้วหลายพื้นที่ ช่างสักเก่าๆจึงไม่หยุดพัฒนา รวมไปถึงช่างสักยุคใหม่ก็มีการเปิดใจและเคารพของเก่ากันมากขึ้น จึงเกิดเป็นรอยสักแนว Bio สวยๆให้เราได้เห็นกันในทุกวันนี้มากมาย หากเพื่อนๆชื่นชอบ และสนใจลายสัก Bio วันนี้ถือเป็นวันดีมากๆที่เราได้มาเจอกัน หวังว่าในบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆนะครับ
@julian.siebert
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ ลายสัก Bio เป็นมาอย่างไร พร้อม 10 รอยสัก Bio สวยๆ ที่เรา Becomeinked นำมาฝากกัน วันนี้ผมต้องลาไปก่อน สำหรับบทความหน้าเราจะพาเพื่อนๆไปดูรอยสักประเภทไหนกันอีกบ้าง ก็สามารถติดตามกันไว้ได้เลยนัครับ หากเพื่อนๆต้องการฝากคำติชมให้เรา ก็สามารถพูดคุยกันผ่านกล่องข้อความด้านล่างกันได้เลยนะครับ พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
หากคุณอยากได้รอยสักที่มีคุณภาพจากร้านที่เชื่อถือได้ ตามมาตราฐานความปลอดภัยของสาธารณะสุข ผมแนะนำร้านนี้เลยครับ Wt tattoo ( facebook / IG )
champ : เขียน
Becomeinked Tattoo เว็บไซต์รวมข่าวสารเกี่ยวกับ การจัดอันดับ ประเภท ความหมาย จาก ลายสัก รอยสัก สวยๆ เท่ๆ และ ข้อมูล ช่างสัก ร้านสักทั่วประเทศ ลายสักโอสคูล ลายสักคาบูกิ ลายสักญี่ปุ่น ลายสักปลาคราฟ ลายสักมินิมอล ลายสักดารุมะ ลายสักแขน ลายสักมังกร ลายสักปีศาจ รอยสักเท่ๆ รอยสักเต็มหลัง รอยสักความหมายดีๆ ความหมายรอยสัก วิธีดูแลรอยสัก ช่างสักผู้หญิง ประเภทรอยสัก
ฝากเว็บที่สองของพวกเราด้วยนะครับ
- POSTER24 -