
@hori_mayi
“ ลายสักญี่ปุ่นนั้นเป็นลายสักที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานแล้ว และทุกๆที่บนโลกใบนี้ลายสักญี่ปุ่นนั้น มีประวัติอันยาวนาน เริ่มต้นตั้งแต่ก่อนสมัยคริสตกาล วันนี้เราไม่มีเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับรอยสักญี่ปุ่นพร้อมความหมายของมัน รวมไปถึงความเป็นมาและประวัติอันยาวนาน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมลายสักญี่ปุ่นโบราณจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และลายสักญี่ปุ่นโบราณสวยๆพร้อมความหมาย ให้เพื่อนๆเข้าถึงโลกแห่งศิลปะประจำชาติญี่ปุ่นมากขึ้น พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับลายสักในตำแหน่งต่างๆที่สวยงาม บทความนี้เราได้รวบรวม มาให้เพื่อนๆ และสาวกรอยสักญี่ปุ่นกันอย่างครบถ้วนแล้วครับ ”
รอยสักญี่ปุ่นคืออะไร ส่องความหมายพร้อมประวัติความเป็นมา? รอยสักแบบญี่ปุ่นเป็นรูปแบบรอยสักที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ความจริงแล้วเชื้อสายของการสักของญี่ปุ่นมีอายุย้อนกลับไปเกือบ 5,000 ปีก่อนเลยทีเดียว การกล่าวถึงการสักแบบญี่ปุ่นสามารถพบได้ในข้อความภาษาจีนโบราณที่เรียกว่า เว่ยจื้อ ตั้งแต่ราว ค.ศ. 297 ในข้อความนี้มีการกล่าวถึงผู้ชายทุกวัยจะมีรอยสักบนทุกส่วนของร่างกาย แม้กระทั่งใบหน้า รอยสักเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นรูปแบบของศิลปะพื้นบ้าน แต่อีกมุมกลับถูกมองว่ามีความหมายเชิงลบ นี่จึงเป็นแนววคิดที่สุดโต่งในประเทศญี่ปุ่นว่าคนใดที่มีรอยสักนั้นล้วนเป็นอาชญากรรวมถึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวขบวนการใต้ดิน แทนที่คนเหล่านี้จะถูกตัดสินประหารชีวิตหรือโดนก่นด่า แต่พวกเขากลับถูกตราหน้าด้วยรอยสัก รอยสักที่มีสัญญาลักษณ์เหล่านี้ มักถูกเหมารวมถึง ตัวอักษรญี่ปุ่น ตราสัญลักษณ์และแถบดำ
ต่อมาทุกที่ในออนเซ็นหรือโรงอาบน้ำของญี่ปุ่น ที่ไม่อนุญาตให้มีรอยสักใช้บริการ เพราะพวกเขาคิดว่าผู้ที่มีรอยสักเชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมของญี่ปุ่นที่เราเรียกกันว่า “ยากูซ่า” แต่ประวัติเบื้องหลังมันคืออะไร ทำไมรอยสักจึงเป็นเรื่องใหญ่ในญี่ปุ่น เรามาย้อนดูกันตามประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นกันเลย ว่ากว่าจะมาเป็นลายสักญี่ปุ่นสวยๆ นั้นจะต้องผ่านอะไรมากันบ้าง
รากศัพท์ของคำว่า “อิเรซึมิ” อิเรซูมิเป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่แปลตรงตัวเป็นภาษาอังกฤษว่า “การใส่หมึก” รอยสักของญี่ปุ่นมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา โดยปกติแล้วจะสักด้วยมือ โดยใช้ด้ามไม้และเข็มเหล็กผูกติดกับเส้นไหม ในญี่ปุ่นมีหมึกชนิดพิเศษที่เรียกว่า zumi เพื่อสำหรับการสักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ช่างสักถูกเรีกว่าเรียกว่า “โฮอิชิ” และมักจะมีเด็กฝึกงานจำนวนมากที่ทำงานเป็นลูกมือ
เนื่องจากการสักแบบกระบวนการดั้งเดิมนี้ จะเจ็บปวดและใช้เวลานานมาก รอยสักของอิเรซึมิจึงเป็นที่น่าชื่นชม ทั้งช่วยในเรื่องเสริมเสน่ห์ทางเพศ และความกล้าหาญของพวกเขา อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยแนวคิดจากชาวญี่ปุ่นโบราณมากมาย แต่ถึงกระนั้น ด้วยกฏหมายที่เข้มแข็งมากๆ จึงทำให้ลายสักญี่ปุ่นโบราณถูกมองผิดๆอยู่
อิเรซุมิก่อนยุคเอโดะ การสักแบบญี่ปุ่นและประเพณีอิเรซูมิสามารถย้อนกลับไปได้หลายศตวรรษ มีการกล่าวถึงและข้อบ่งชี้ของการสักในสมัยโบราณเกี่ยวกับปรากฏการณ์ศิลปะบนเรือนร่าง ซึ่งมีนักโบราณคดีค้นพบรูปแกะสลักดินจาก 5,000 ก่อนคริสตศักราช และในพงศาวดารจีนในศตวรรษที่ 3 ชื่อ กิชิวะจินเด็ง มีการจารึกไว้ว่า “ ผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนสักใบหน้า และตกแต่งร่างกายด้วยการออกแบบที่มีอารยะ เพราะในสมัยนั้นญี่ปุ่นเรียกตัวเองว่า“ คนป่า” พวกเขาจะตกแต่งใบหน้าและร่างกายด้วยลวดลายเหมือนปลาและเปลือกหอย พวกเขาใช้รอยสักเป็นสัญลักษณ์ป้องกัน โดยมีการออกแบบในหมู่ชนเผ่าของพวกเขาแตกต่างกันไป และตำราทางประวัติศาสตร์บางเล่มบอกว่า ซามูไรใช้รอยสักเพื่อระบุตัวตน เพื่อช่วยให้จดจำได้ว่าเขาเป็นใครหลังจากเสียชีวิตในสนามรบ
ก่อนช่วงยุคใหม่ในญี่ปุ่น ได้เกิดชนเผ่าพื้นเมืองไอนุซึ่งอยู่ในภูมิภาคฮอกไกโด ชนเผ่านี้มักจะสักตามประเพณีที่แยกตัวออกมาจากอิเรซุมิ พวกเขาใช้รอยสักเพื่อจุดประสงค์ด้านความงาม และเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้ใหญ่ ทางศาสนา และทางเพศ เด็กผู้หญิงได้รับรอยสักระหว่าง 10 ถึง 13 ปี และยังคงสักต่อไปจนกว่าพวกเขาจะอายุครบรอบแต่งงาน นอกจากนี้รอยสักยังช่วยขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และสิ่งการันตรีให้พวกเขาว่า เขาจะผ่านไปสู่ชีวิตหลังความตายได้อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตามในศตวรรษที่ 17 รอยสักเริ่มถูกตีตรา เนื่องจากนักโทษนั้นจะถูกตีตราด้วยรอยสัก รอยสักจึงกลายเป็นเครื่องหมายเพื่อแยกแยะอาชญากรออกจากชาวบ้านธรรมดา รวมถึงเป็นการลงโทษรูปแบบหนึ่ง แต่กลับกันเนื่องจากชาวบ้านธรรมดาที่ชื่นชอบศิลปะบนเรือนร่างแบบบางคน กลับมีลายสักมากกว่าอาชญากรเสียอีก จึงเกิดเป็นข้อถกเถียงกันเรื่อยมาในประวัติศาสตร์ศิลปะญี่ปุ่น
ลายสักชาวญี่ปุ่นสมัยเอโดะ
นักประวัติศาสตร์มองว่าญี่ปุ่นในยุคสมัยเอโดะ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี คศ. 1603 ถึง คศ.1867 ว่าเป็นยุคทองของการสัก การปกครองแบบเผด็จการทหารที่อยู่ภายใต้การปกครองของซามูไรชนชั้นนำ ได้กีดกันประเทศจากโลกภายนอกและบังคับใช้ลำดับชั้นทางสังคมในประชากร รัฐบาลจะต่อต้านการสักในชนชั้นล่างและผู้นำจะพยายามป้องกันไม่ให้มีการแสดงออกทางศิลปะเนื่องจากการสักเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในชนชั้นล่าง แต่ผู้คนจำนวนมากที่มีรอยสัก ส่วนใหญ่มักเป็นคนธรรมดา เช่น นักผจญเพลิง ที่สักสัญลักษณ์มังกรน้ำเพื่อเป็นการป้องกันให้เขาพ้นภัย เช่นเดียวกับช่างไม้ คนส่งของ และชาวนา
ภาพพิมพ์แกะไม้ (อุกิโยะ – อี)
การแสดงคาบูกิ
อิเรซูมิ
ในช่วงยุคนี้เองได้มีศิลปะ 3 ประเภทเกิดโด่งดังขึ้น ได้แก่ คาบูกิ ภาพพิมพ์แกะไม้ (อุกิโยะ – อี) และอิเรซุมิ งานศิลปะทั้ง 3 แขนงนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาและยกระดับในศิลปะในญี่ปุ่นได้รับการฟื้นฟูให้ถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง แม้ว่าในอีกด้านนึงเหล่าซามูไรจะออกมากีดกันในการสักลายญี่ปุ่นนั้น เป็นศิลปะชั้นสูงสำหรับเหล่าขุนนางเท่านั้นก็ตาม
ยุคเริ่มต้น “ยากูซ่า” ช่วงเวลาในยุคนี้เองที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของขบวนการใต้ดินที่เราเรียกว่า “ยากูซ่า” พวกเขามองข้ามกฏเหล็กที่ซามูไรได้วางเอาไว้ พวกเขาใช้ลายสักญี่ปุ่นเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าคน ๆ หนึ่งมีความกล้าหาญ และไม่เกรงกลัว ความผิดกฎหมายของรอยสักนั้น จึงทำให้สมาชิกยากูซ่าถูกตราหน้าว่าเป็นพวกนอกกฎหมายตลอดไป รัฐบาลญี่ปุ่นได้พยายามกีดกันกลุ่มคนนอกกฎหมายเหล่านี้ออกจากสังคมชาวไอนุในปี 1799 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
รอยสักญี่ปุ่นในช่วงการฟื้นฟูเมจิ ในช่วงกลางของปี 1800 เรือต่างชาติเข้ามาในญี่ปุ่นและได้เปลี่ยนให้ประเทศพ้นจากจุดยืนของลัทธิโดดเดี่ยว การเดินทางไปญี่ปุ่นของพลเรือจัตวา แมทธิว ซี. เพอร์รี ตามมาด้วยการลดลงของขุนนาง และโชกุน ในที่สุดนี้ถือได้ว่าเป็น “บาคุมัตสึ” หรือการเปิดประเทศญี่ปุ่นสู่สายตาชาวโลกและเป็นจุดจบของยุคเอโดะ ญี่ปุ่นได้ทำการตัดขาดจากโลกภายนอกมานานกว่า 200 ปี จึงทำขาดเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมาย เช่น รถไฟพลังไอน้ำ โทรเลข อาวุธหนัก และด้วยจักรวรรดินิยมตะวันตกที่เข้ามาล่าอาณานิคมในเอเชีย จึงทำให้ญี่ปุ่นต้องปรับปรุงให้ทันสมัยอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการจัดการกับพวกที่มีรอยสักให้สิ้นซากไปให้หมด เพื่อเข้าสู่ความมาอารยะธรรมมากขึ้น
การบังคับกฏหมายห้ามสักของญี่ปุ่น ชาวไอนุมีคำสั่งห้ามอย่างเข้มงวดในการสักในปี 1871 แม้ว่าผู้หญิงชาวไอนุหลายคนยังคงสักอย่างลับๆ เนื่องจากรอยสักนั้นมีความสำคัญทางจิตวิญญาณ ในโอกินาวาการสักลายถือเป็นประเพณีของผู้หญิงส่วนใหญ่ รอยสักที่เมืองนี้ถูกเรืยกว่า “ฮาจิจิ” ลายสักมักมีกระบวนการทำด้วยหมึกและแอลกอฮอล์อะวาโมริ ลายสักเครื่องหมายดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องรางของขลัง และเชื่อมโยงกับการปฏิบัติของนักเวทย์หญิง ชุมชนโอกินาวาจึงเป็นชุมชนที่ยังมีโครงสร้างอำนาจในการปกครองในตัวเองมากกว่าเคารพกฏของแผ่นดินใหญ่
แต่โตเกียวก็เริ่มเข้ามาปราบปราม จัดระเบียบอัตลักษณ์ของโอกินาว่าเหมือนกับพวกไอนุ ตั้งแต่ปีพ. ศ. 2442 ถึง พ.ศ. 2447 มีผู้หญิงชาวญี่ปุ่นเกือบ 700 คนถูกจับในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งการสัก ซึ่งถูกร่างขึ้นโดย ยามาโมโตะ เขาสนับสนุนให้ข้าราชการชายที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลกลาง เข้ามามีอำนาจเหนือผู้นำที่ถูกจับกุมในโอกินาว่า
แต่ว่ากฏหมายจากแผ่นดินใหญ่มีการบังคับใช้ที่หละหลวม จึงสามารถทำการจับกุมได้เพียง 500 ครั้งในระหว่างปี พศ.2419 ถึง พศ.2489 อย่างไรก็ตาม เหล่าตำรวจยังคงไม่สนับสนุนการเผยแพร่ลายสักในที่สาธารณะ มีช่างสักจำนวนมากถูกจับ ถูกริบเครื่องมือสัก รวมไปถึงผลงงานศิลปะของพวกเขา การสักจึงกลายเป็นศาสตร์ที่ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆใต้ดินเรื่อยมา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับเด็กฝึกงานกลายเป็นเรื่องผิด และถูกตีตราว่าเป็นอาชญากร ส่งผลให้ศิลปินสักที่มีทักษะน้อยลง ในปี พ.ศ. 2491
แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นถูกยึดครองโดยกองกำลังสหรัฐฯหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้เกิดการฟื้นฟูศิลปะอีกครั้ง รวมถึงการแทรกแซงจากสหรัฐอเมริกาเป็นเหมือนการเปิดโลก รวมถึงช่วยชี้ถูกผิดให้กับศิลปะแขนงนี้ในแดนอาทิตย์อุทัย จึงทำให้ช่างสักได้รับอนุญาตให้ทำงานได้โดยไม่ต้องกลัวการฟ้องร้อง และช่างสักในญี่ปุ่นก็ได้รังสรรค์งานศิลปะเก่าแก่นี้ ให้กับชาวอเมริกันในช่วงฟื้นฟูหลังสงครามเช่นกัน ในช่วงเวลานี้แหละ ที่ทำให้เกิดความโด่งดังของลายสักแนวโอสคูลขึ้นในสหรัฐอเมริกา จากการรับอิทธิพลมาจากศิลปะฝั่งตะวันออก
โฮริโยชิที่ 3
ชิเกะ (Yellow Blaze)
การสักวันนี้ในญี่ปุ่น แม้ว่าลายสักจะถูกตีราคาจนต่ำเกินไปในญี่ปุ่น แต่ก็มีศิลปินสักประมาณ 3,000 คนที่ทำงานในญี่ปุ่นในปี 2014 เทียบกับประมาณ 200 คนในปี 1990 ช่างสักในญี่ปุ่นยังคงยืนหยัด รวมถึงความนิยมสักของ ยากูซ่า ที่ลดลง แต่เป็นลูกค้าใหม่ที่เป็นนักธุรกิจ ผู้บริหาร และญาติที่กำลังมองหาอนุสรณ์สถานสำหรับการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นเมื่อปี 2554
โฮริโยชิที่ 3
ปลดล็อคลายสักญี่ปุ่น แต่แล้วฟ้าใหม่ก็มาเยือนประเทศญี่ปุ่น เพราะเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีการยกเลิกกฏหมายการห้ามสักในประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนการปลดล็อคให้ช่างสักยอดฝีมือชาวญี่ปุ่นทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ ต่างก้าวเท้าออกมาจากเงามืดได้อย่างมีศักดิ์ศรี เพื่อสานต่อปณิทานและการรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่งดงามที่เป็นรากเหง้าของเผ่าพันธุ์ญี่ปุ่น เป็นอย่างที่่ทราบกันว่า มียอดฝีมือชาวญี่ปุ่นที่เป็นช่างสักระดับโลกมากมาย ที่ได้ไปเติบโตเพื่อเผยแพร่ความเป็นญี่ปุ่นที่ต่างบ้านต่างเมือง เพราะไม่สามารถทำงานที่ตัวเองรักในประเทศตัวเองได้ในหลายสิบปี ก่อนหน้าที่่จะมีการปลดล็อคลายสักเช่นนี้
@shige_yellowblaze
จึงถือได้ว่านี่คือนิมิตรหมายที่ดี ที่จะทำให้ลายสักญี่ปุ่นการมาครองบรรลังค์ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง สู่สายตาชาวโลก โดยน้ำมือของชาวญี่ปุ่นเอง
@shige_yellowblaze
โฮริโยชิที่ 3
ลายสักแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้น คือลายสักญี่ปุ่นที่ได้รับการพัฒนามาจากลายสักแนว irezumi ซึ่งการสักในประเภทลายสักแบบสมัยใหม่นี้ มีการใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นรวมถึงแนวคิดที่สื่อไปถึงศิลปะสมัยใหม่ งานหลายๆชิ้นของรอยสักญี่ปุ่นสมัยใหม่นั้นสามารถทัดเทียมกับศิลปะระดับโลกได้อย่างง่ายดาย โดยเรื่องราวจากศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ลายสักแนวญี่ปุ่นนั้น ได้รับความนิยมเรื่อยมา รวมถึงยังมีช่างสักในรุ่นใหม่ๆที่ให้ความสนใจกับลายสักแนวญี่ปุ่นอีกด้วย จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมลายสักญี่ปุ่นแบบสมัยใหม่ กระจายไปทั่วโลก
สีสันของลายสักญี่ปุ่นแบบสมัยใหม่ รวมไปถึงการออกแบบนั้นมีความแตกต่างจากลายสักญี่ปุ่นดั้งเดิมเล็กน้อย แต่ซึ่งยังคงไว้ด้วยแนวคิดที่แข็งแกร่งจากชนชาติตะวันออก มีช่างสักชาวยุโรปจำนวนไม่น้อยที่สนใจลายสักญี่ปุ่น ลายสักญี่ปุ่นนั้นจึงเป็นลายสักที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานแล้วในระบบในยุโรป
ประเพณีการสักเทโบริ การสักลายแบบดั้งเดิมในสมัยเอโดะในญี่ปุ่น ระหว่างปี (1603-1868) ศิลปะการสักเทโบริยังคงมีอยู่และยังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ การปฏิบัติเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายร้อยปี คำว่าเทโบริหมายถึง “การแกะสลักด้วยมือ” ในภาษาญี่ปุ่นซึ่งฟังดูเจ็บปวดเลยทีเดียว เทคนิคการแกะสลักไม้แบบโบราณ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการสักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นมาเต็มๆ แม้รอยสักยังคงถูกตีตราอย่างกว้างขวางในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ดังนั้นส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นผู้คนจึงปกปิดรอยสักด้วยเสื้อผ้าเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
Tebori เจ็บไหม? เช่นเดียวกับทุกคนที่ได้รับรอยสัก ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนตัวว่ามันเจ็บมากแค่ไหน นอกจากนี้เช่นเดียวกับการสักทุกครั้งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะสักส่วนใดของร่างกาย อย่างไรก็ตามการสักเทโบริใช้เวลานานกว่าการสักด้วยเครื่อง 2-4 เท่า ดังนั้นโปรดจำไว้ว่าความเจ็บปวดใดก็ตามที่คุณกำลังประสบอยู่จะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยาวนานกว่ามาก หลายคนเล่าว่าการสักเทโบริก็จะค่อยๆเจ็บมากขั้นเรื่อยๆ แต่หากคุณเลือกที่จะแบ่งทำโครงร่าง และลงสี ก็ไม่น่าจะเจ็บเท่ากับการใช้เครื่องสัก จุดเด่นของลายสักแขนงนี้คือมันสามารถให้สีที่สดมากกว่าการสักแบบเครื่อง ที่สำคัญคือแผลหายเร็วกว่า
การสักเทโบรินั้นจะเป็นการสักในพื้นที่ใหญ่ๆเท่านั้น เช่น สักเต็มแขน สักเต็มขา สักเต็มหลัง เป็นต้น การสักในขนาดเล็กก็พอทำได้แต่ว่าคงไม่เหมาะและคมชัดเท่า
เครื่องมือสัก และวิธีการสักเทโบริ ส่วนที่น่าสนใจของรอยสักเทโบริคือเครื่องมือที่ต้องใช้งานฝีมือสร้างขึ้นมา ถึงแม้ว่ามันจะดูเรียบง่ายก็ตามแต่มันก็ประกอบไปด้วยวิธีการมากมาย พวกเขาใช้เแท่งไม่ไผ่ขนาดเหมาะมือใช้การผูกเข็มสักที่ทำจากเหล็กให้แน่นโดยเส้นไหม ส่วนหมึกก็ทำมาจากกระบวนการธรรมชาติทั้งสิ้น เช่นใช้สีดำจากเปลือกไม้ที่นำไปเผาไหม้ นำมาขูดละลายน้ำ หรือสีที่สดใสต่างๆ ล้วนมาจากธรรมชาติทั้งหมด
วิธีการสักแบบเทโบริ นั้นจะใช้วิธีการแทงเป็นแนวนอน โดยใช้แขนและข้อมือเป็นการควบคุม ใช้วิธีการจุ่มหมึก แทงลงไปบนผิวและงัดขึ้นเป็นจังหวะ เพื่อซ้อนสีลงไปบนผิวหนัง กระบวนการนี้ถูกใช้เรื่อยมาตั้งสมัยยุคประวัติศาสตร์ จนถึงทุกวันนี้
ใครบ้างชอบสักแบบเทโบริ การสักแบบเทโบรินั้นได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก แต่ก็มีชาวญี่ปุ่นไม่น้อยเลยที่ชื่นชอบความดั้งเดิมนี้ เพราะมันเป็นเหมือนการเข้าถึงความขลังและเสน่ห์ของลายสักญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
หากคุณเคยดูรอยสักแบบญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมทางออนไลน์ คุณคงทราบดีว่ารอยสักเหล่านี้มักมีการใช้สีที่โดดเด่น แม้ว่ารอยสักสีดำและสีเทาที่สวยงามผสมผสานกันได้อย่างลงตัว แต่สีที่ตัดกันทำให้ภาพญี่ปุ่นดูคลาสสิก คุณจะเห็นสีชมพู สีส้ม สีเทอร์ควอยซ์ และสีฟ้าที่สดใส สีทุกชนิดมักจะตัดกับฉากหลังสีดำเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้ตัวละคร ก่อนที่เราจะดำดิ่งลงไปในส่วนที่เป็นสีสันสวยงาม เราขอแนะนำให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับสีในญี่ปุ่นสักหน่อย เพราะทุกวัฒนธรรมมีความสัมพันธ์กับสีของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนในอเมริกาจึงใส่สีดำในงานศพ และสีแดงเพื่อให้รู้สึกเซ็กซี่ เรามาดูสีของเราความหมายเบื้องหลังของสีต่างๆที่ตีความโดยชาวญี่ปุ่นกันเลยครับ
สีแดง: สีแดงเป็นสีที่สำคัญมากในญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของความสุข โดยปกติสีแดงจะรวมอยู่ในงานรื่นเริงเช่นงานแต่งงาน วันเกิด และวันส่งท้ายปีเก่า เนื่องจากสีแดงเป็นสีของเลือด จึงเป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลและความมีชีวิตชีวา รอยสักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมนั้นสีแดงเปรียบเสมือนการป้องกันสิ่งชั่วร้าย
สีน้ำเงิน: สีน้ำเงินเป็นสีนำโชคในญี่ปุ่น และต่อมาเป็นสีที่เลือกสำหรับชุดสัมภาษณ์งาน พนักงานในองค์กรหลายคนสวมชุดสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ และสามารถแสดงถึงความทุ่มเทในการทำงานของคุณ
สีเขียว: เนื่องจากหลายสิ่งในธรรมชาติเป็นสีเขียว ในญี่ปุ่นจึงเป็นสีที่แสดงถึงชีวิต เยาวชน พลังงาน และความเคารพต่อโลก ชาเขียวยังเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในญี่ปุ่นซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
สีม่วง: สีม่วงเป็นสีที่มีเกียรติในญี่ปุ่นและที่อื่น ๆ เนื่องจากเคยเป็นสีที่ผลิตได้ยากและมีราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ สีม่วงจึงถูกสงวนไว้สำหรับชนชั้นปกครอง ในช่วงสมัยเอโดะ คนชั้นล่างไม่ควรแต่งกายด้วยสีสันสดใส พวกเขาจะสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลเพื่อแสดงสถานะของพวกเขา แต่หลายคนอาจจะแอบใส่เสื้อซับในที่มีสีสัน ซึ่งสีม่วงหรือลาเวนเดอร์ ถือว่าเป็นสีที่มีเกียริตของรอยสักแบบญี่ปุ่นโบราณ
สีชมพู: สีชมพูแสดงถึงความเป็นผู้หญิง ธรรมชาติที่ละเอียดอ่อนของชีวิต ฤดูใบไม้ผลิ และสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ยังเป็นสียอดนิยมของชุดชั้นในในญี่ปุ่น ดังนั้นจึงอาจเพิ่มเสน่ห์ทางเพศสำหรับสาวๆให้กับรอยสักของคุณได้
สีเหลือง: สีเหลืองสามารถบ่งบอกถึงความสุข การมองโลกในแง่ดี และความมั่งคั่ง แต่ระวัง! ในบางพื้นที่ของญี่ปุ่นคิดว่าสีเหลืองเป็นสีแห่งการหลอกลวง! เพราะคำว่า “เหลือง” ในภาษาญี่ปุ่นนั้นออกเสียงได้ยากแต่ถึงกระนั้น สีเหลือง ก็เป็นสีที่ซับซ้อน แต่ดูสวยในงานศิลปะรอยสัก
ในญี่ปุ่นอาจมีสีที่มีหลายความหมายและบางสีก็หมายถึงสิ่งที่แตกต่างกัน เมื่อมันอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่ารอยสักแบบญี่ปุ่นของคุณจะมีความหมายซับซ้อน แต่ก็ไม่มีสีที่“ ไม่ดี” เลย
@hori_mayi
ลายสักญี่ปุ่นเกอิชา แม้ว่าลวดลายบางส่วนนี้จะนำมาจากคติชนวิทยา แต่รอยสักของเกอิชาก็แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น และมันเป็นเรื่องข้อนข้างจริง ลายเกอิชาปรากฏในเทพนิยายและตำนานที่มีชื่อเสียงบางเรื่อง เกอิชาเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นนักดนตรี พวกเขาเป็นสาวที่สมบูรณ์แบบ ทั้งการดำรงอยู่อย่างมีศิลปะ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตของชาวญี่ปุ่นมาโดยตลอด รอยสักของเกอิชาจึงเป็นลายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ
ลายสักญี่ปุ่นคาบูกิ คาบูกิคือการแสดงละครเวทีในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการแสดงที่แตกต่างจากที่คุณจะได้สัมผัสในตะวันตกอยู่มาก แต่มั่นใจได้เลยว่า สิ่งที่ชาวตะวันตกไม่มีนั่นคือเครื่องแต่งกายสีฉูดฉาด และการแต่งหน้าหนาๆ คาบูกิถือว่าเป็นการแสดงละครที่หรูหรา ในช่วงทศวรรษที่ 1600 ผู้หญิงเป็นนักแสดงหลัก และเรื่องราวของพวกเขามักเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้น เรื่องราวทางสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม ส่วนใหญ่นักแสดงหลายคนในโรงละครคาบูกิในเวลานั้นก็เป็นโสเภณีเช่นกัน ละครเต้นรำร่วมสมัยมีวิวัฒนาการมาจากจุดเริ่มต้นอย่างแน่นอน และรอยสักคาบูกินั้นจึงเป็นอีกลายสักหนึ่งที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ
ลายสักญี่ปุ่นซามูไร รอยสักซามูไรเป็นที่นิยมมากในวัฒนธรรมญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่ใช่รอยสักกระแสหลักในอเมริกา แต่ก็ยังพอมีให้เห็นบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนที่ชื่นชมญี่ปุ่น การออกแบบของพวกเขามีรายละเอียดและมีสีสันมาก มันถูกออกแบบมาหลายขนาดและหลายสไตล์ แต่การออกแบบส่วนใหญ่จะมีขนาดใหญ่ตามสรีระร่างกายของเจ้าของลายสักคนนั้นๆ
ลายสักซามูไรนั้น โดยปกติจะแสดงถึงลักษณะและคุณลักษณะของซามูไร มักเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งและความกล้าหาญ พร้อมกับความหมายอื่น ๆ การออกแบบค่อนข้างสวยงาม และสมบูรณ์แบบ โดยมีองค์ประกอบและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่สามารถเข้ากับธีมของพวกเขา(นักสะสมรอยสัก)ได้
ความหมายของรอยสักซามูไรนั้น แสดงถึงความหมายที่แตกต่าง เนื่องจากมีหลายรูปแบบความหมายจึงอาจแตกต่างจากรูปแบบหนึ่งไปยังอีกรูปแบบหนึ่ง แต่จำไว้ว่า ท้ายที่สุดรอยสักของคุณเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่คุณต้องการเช่นกัน เรียกง่ายๆว่ามันสามารถเป็นลายสักที่บ่งบอกถึงตัวคุณได้ ความหมายกว้างๆของลายสักซามูไรนั้นก็คือ ความเป็นชาย ความกล้าหาญ เกียรติยศ สังคมไฮโซ วินัยในตนเอง ความเคารพ นักรบ ชีวิต และความตาย
ลายสักเทพเจ้าญี่ปุ่น ลายสักเทพเจ้าญี่ปุ่นที่โดดเด่นที่สุดคือ เทพเจ้าสายฟ้า Raijin เทพท่านนี้คือเทพของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างที่ทราบกันว่า ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งของศาสนาและประเพณีมากมาย และศาสนาชินโตเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งชินโตนั้น“ เก่าแก่พอ ๆ กับญี่ปุ่น” และมีมาก่อนพุทธศาสนาด้วยซ้ำ
Raijin เป็นเทพเจ้าที่ซุกซนและบางคนมองว่าเขาเป็น “โอนิ” – หรือปีศาจในลัทธิชินโต เขาเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้าร้องและญี่ปุ่นมีพายุที่รุนแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ Raijin เป็นที่หวาดกลัวของเด็ก ๆ ในญี่ปุ่นพ่อแม่จะสั่งให้เด็กๆปกปิดสะดือของพวกเขาให้ดีในช่วงพายุ เพราะว่าเทพปีศาจที่ซุกซนตนนี้นั้นชอบกินสะดือของเด็ก ๆ ! Raijin แปลว่า“ เทพเจ้าสายฟ้า” และเขามักจะเป็นภาพคู่กับน้องชายของเขา Fujin – เทพเจ้าแห่งลม
พวกเขาเป็นคู่ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเกษตรกรซึ่งต้องทำงานอย่างกลมกลืนกับสภาพอากาศ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ลายสักของ Raijin ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยปกติจะเป็นปีศาจสีแดงที่มีเขาสีเหลือง ยืนหวดกลองอยู่ในมือ นอกจาก Raijin จะเป็นแรงบรรดาลใจให้กับศิลปะญี่ปุ่นแล้ว มันยังเป็นแรงบรรดาลใจให้กับหนังสือการ์ตูนอีกด้วย
ลายสักญี่ปุ่นปลาคราฟ ในภาษาญี่ปุ่น “koi” แปลว่า “ปลาคราฟ” หรือปลาตะเพียน อย่างไรก็ตามแม้มันจะมีความหมายที่ดูเรียบง่าย แต่ไม่ได้แปลว่าปลาคราฟนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่น่าสนใจ คำว่า “koi” มาจากคำภาษาญี่ปุ่น “nishigikoi” คือ ปลาคราฟมีหลายสีและเกล็ดของมันได้รับการตกแต่งด้วยลวดลายที่สวยงาม ผู้คนเลี้ยงปลาคราฟไว้ในบ่อ และชื่นชอบที่จะเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง คุณสามารถพบร้านขายปลาที่ขายเฉพาะปลาคราฟ ปลาคาร์ฟเป็นปลาที่มีต้องดูแลเป็นอย่างดี และมีราคาแพงมาก
ตามที่ช่างสักส่วนใหญ่กล่าวว่า ปลาคราฟเป็นตัวแทนของความเข้มแข็ง ความเจริญรุ่งเรือง ความมุ่งมั่น ความเป็นอิสระ ความอุตสาหะ และความโชคดีเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งหมดนี้นั้นถูกตีความจากคนที่ให้ความเคารพต่อปลาคราฟ
ปลาคราฟเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมเมื่อพูดถึงการออกแบบรอยสัก และไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันทั้งดูน่าดึงดูด และได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย รอยสักปลาคราฟเป็นที่ชื่นชอบของทั้งชายและหญิง ปลาคาร์ฟนั้นเต็มไปด้วยพลังงาน และมนต์ขลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันอาศัยอยู่ตามธรรมชาติของพวกมัน อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากชอบรอยสักปลาคราฟมาก เพราะมันถือเป็นสัตว์นำโชคของชาวญี่ปุ่น
ลายสักดารุมะ แม้ว่ารอยสักดารุมะนั้นดูไม่เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเคารพนับถือ แต่ในความเป็นจริงแล้วตุ๊กตาดารุมะนั้นได้จำลองมาจาก พระโพธิธรรม หรือ ตั๊กม้อ เป็นผู้ก่อตั้งประเพณีพุทธศาสนานิกายเซนในญี่ปุ่น ตุ๊กตาตัวกลมกลวงเหล่านี้เป็นรอยสักของชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบความหมายของมัน เช่นเดียวกับของเล่น ของขลัง และของขวัญเพื่อกำลังใจ ดารูมะเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความอุตสาหะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตำนานเล่าว่า พระโพธิธรรม ทุ่มเทให้กับวิถีชีวิตแบบชาวพุทธของเขามาก จนหลังจากหลับไประหว่างการทำสมาธิ เขาได้ตัดเปลือกตาของตัวเองออกเพื่อที่จะไม่หลับอีก นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่ครั้งหนึ่งเขานั่งจ้องมองกำแพงเป็นเวลาเก้าปี หลังจากเสร็จสิ้น เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกต่อไป เพราะขาของเขาลีบลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตุ๊กตาดารุมะและรอยสักของตุ๊กตาดารุมะไม่มีขา
รอยสักนกกระเรียน อีกหนึ่งองค์ประกอบที่เป็นที่นิยมอย่างมากของรอยสักแบบญี่ปุ่นคือรอยสักของนกกระเรียน ซึ่งนกกระเรียนถือเป็นสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งและศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากในญี่ปุ่นและเรียกว่า “นกแห่งความสุข” รอยสักของนกกระเรียนเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาว เช่นเดียวกับความโชคดี และคิดว่าจะมีชีวิตอยู่อีกหลายพันปี นกกระเรียนมีอยู่ในเรื่องราวในตำนานและนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่แตกต่างกันมากมาย ดังนั้นการเพิ่มนกกระเรียนให้เป็นหนึ่งในคอลเลกชัน Irezumi ของคุณ นั้นอาจจะเป็นความคิดที่เข้าท่าเลยทีเดียว
รอยสักภูต(โยไค) โยไค นั้นแปลว่า ผี ปีศาจและวิญญาณ ตัวละครตัวนี้มีภาพลักษณ์ตั้งแต่ผีที่มีความชั่วร้ายไปจนถึงผีที่มีความน่ารัก แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับรอยสักของโยไคก็คือ มันมีหลายแบบให้เลือก หากคุณหลงรักรอยสักแบบญี่ปุ่น คำแนะนำของเราคือ คุณสามารถหาข้อมูลของโยไคจากการอ่านเทพนิยายปรัมปราและเลือกรอยสักโยไคที่โดนใจคุณ เพราะว่าพวกเขาแต่ละคนมีบุคลิกของตัวเอง และมีความสามารถที่แตกต่างกันไป พวกเขามักจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ดังนั้นชาวญี่ปุ่นจึงนิยมสักรอยสักภูตออกมาในแนวสนุกสนาน
รอยสักแมวนำโชค Maneki Neko หมายถึง“ แมวกวักมือ” และด้วยอุ้งเท้าที่อวบป้อมของมันนั้นมีขึ้นเพื่อนำโชคลาภ และความมั่งคั่ง แมวกวักนำโชค เป็นตัวแทนของศิลปะของชาวญี่ปุ่น เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกในฐานะเครื่องรางนำโชค ช่วยให้การค้าขายมีความรุ่งเรือง คุณคงเคยเห็นเจ้าเหมียวตัวเล็ก ๆ นี้นั่งอยู่ตรงมุมร้านอาหารญี่ปุ่น หรือร้านอาหารจีนที่คุณโปรดปราน ในมือของมันถือเหรียญทอง รอยสักแมวนำโชค จึงเป็นสัญญาลักษณ์ของโชคลาภทางการค้า ซึ่งเป็นลายสักที่รับความนิยมอย่างมาก ในประเทศแถบตะวันตก รวมถึงแถบตะวันออกเอง
สัตว์ในตำนานที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในสัญลักษณ์ของลายสักญี่ปุ่นคือมังกร หรือ ริว มังกรถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระพรปัญญา และความเข้มแข็งอันลึกซึ้ง เนื่องจากมีความสามารถในช่วยเหลือผู้คน ลายสักมังกรนั้นมักจะมีความแตกต่างกันออกไป มังกรคือสัตว์ในตำนานที่ได้ผสมผสานสัตว์ต่างๆทั่วโลกเข้าไว้ในร่างเดียว ส่วนหัวของมังกรเป็นของอูฐ คอและท้องมีรูปลักษณ์ของงู เกล็ดมันมาจากปลาคราฟ กรงเล็บมาจากเหยี่ยว ไก่ หรือนกอินทรี ลายสักมังกรเป็นลายสักที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงแผ่ขยายเป็นวงกว้าง กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ไปทั่วโลก
ลายสักญี่ปุ่นนั้น เป็นลายสักที่ต้องใช้สรีระร่างกายของเจ้าของลายสักเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เช่นเดียวกัน เนื่องจากการวางตำแหน่งที่ถูกต้องนั้น จะสามารถทำให้ลายสักญี่ปุ่นมีความน่าสนใจมากขึ้น และถูกแบบแผนที่ได้วางกันไว้ตามวัฒนธรรมลายสักญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน วันนี้เราได้นำลายสักญี่ปุ่นในตำแหน่งสวยๆเท่ๆมาฝากเพื่อนๆกันนะครับ เราไปดูกันเลยว่าจะมีตำแหน่งไหนกันบ้าง
ลายสักญี่ปุ่นขา ตำแหน่งขานั้นเป็นตำแหน่งที่ได้รับความนิยม สักลายสักญี่ปุ่น การวางเรื่องราวให้เข้ากับสรีระสังขารนั้นเป็นสิ่งที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ลายสักขนาดเต็มขา สร้างความอลังการให้กับลายสักญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี สิ่งสำคัญสำหรับลายสักญี่ปุ่นนั้นคุณจำเป็นต้องมีเรื่องราวให้กับมัน เพื่อทำให้ลายสักของคุณนั้นมีความหมายสำหรับคุณมากขึ้น
ลายสักญี่ปุ่นแขน หากจะพูดถึงลายสักญี่ปุ่นเท่ๆ คงจะไม่พ้นตำแหน่งแขนเป็นอย่างแน่นอน ลายสักบนตำแหน่งแขนนั้นสามารถสร้างเรื่องราวผ่านองค์ประกอบของลายสักญี่ปุ่นได้ง่ายและดูลงตัว คนนิยมสักลายสักปลาคราฟ ลายสักมังกร ไว้บนแขน เนื่องจากพอมันอยู่บนสรีระแขนแล้ว มันสามารถวางแบบให้ล้อไปกับความโค้งเว้าของร่างกายเราได้เป็นอย่างดี แต่การไม่จำกัดความของญี่ปุ่นโบราณนั้น จึงทำให้แม้ว่าจะมีตัวละครเพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานจาก background ได้เช่นเดียวกัน
ลายสักญี่ปุ่นหน้าอก ลายสักญี่ปุ่นบนตำแหน่งหน้าอกนั้น ส่วนใหญ่เป็นลายสักที่เชื่อมมาจากลายสักแขน ด้วยการใช้ลมมาเป็นองค์ประกอบหลักๆในการเล่าเรื่องของรอยสักญี่ปุ่น จึงทำให้ตัวละครสามารถวางบนตำแหน่งใดก็ได้ นี่คือคุณสมบัติเด่นของรอยสักญี่ปุ่น รอยสักญี่ปุ่นบนหน้าอกนั้น มีลายสักหลายๆลายที่น่าสนใจและวางไว้บนตำแหน่งนี้ได้อย่างสวยงาม เช่น ลายสักมังกร ลายสักคาบูกิ ลายสักปลาคราฟ เป็นต้น
ลายสักญี่ปุ่นหัวไหล่ ตำแหน่งหัวไหล่นั้นเป็นตำแหน่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยสำหรับสังคมที่ยังไม่ได้มีการยอมรับลายสักเท่าไหร่ คนชื่นชอบรอยสักในอดีต จึงนิยมสักลายสักไว้บนหัวไหล่ ซึ่งลายสักที่เป็นอิทธิพลหลักๆในยุคนั้น แน่นอนว่าเป็นลายสักงานญี่ปุ่น จึงมีคนที่นิยมสักลายสักญี่ปุ่นไว้บนตำแหน่งหัวไหล่ บางรอยสักนั้นสามารถเชื่อมกับหน้าอกได้อย่างลงตัว ลายสักบนตำแหน่งหัวไหล่นี้ มีลายสักมากมายที่น่าสนใจอย่างเช่น ลายสักหน้าพระพุทธรูป ลายสักปลาคราฟ ลายสักซามูไร เป็นต้น
ลายสักญี่ปุ่นเต็มหลัง ลายสักขนาดเต็มหลังนั้นถือว่าเป็นงานใหญ่ไม่น้อย เรียกได้ว่าคุณจะต้องมีความอดทนในการสักสูง รวมไม่ถึงจะต้องสามารถจ่ายได้ในราคาสูงๆ ลายสักญี่ปุ่นเต็มหลังนั้นมีราคาตั้งแต่ 20,000 บาทไปจนถึงเกือบ 200,000 บาทเลยทีเดียว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบลายสักขนาดเต็มหลังเช่นนี้ องค์ประกอบของลายสักญี่ปุ่นโบราณนั้นมีความโดดเด่น ซึ่งมันสามารถวางไว้บนตำแหน่งไหนก็ได้อย่างลงตัว พื้นที่ขนาดเต็มหลังนั้น สามารถวางตัวละครตัวใหญ่ๆ รวมถึงสร้างเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวตนคุณได้ง่าย และคมชัดเนื่อง จากมันมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ลายสักเต็มหลังแนวญี่ปุ่นนั้นมีลายสักที่หลากหลายมากๆอย่างเช่น ลายสักนกอินทรีย์ ลายสักซามูไร ลายสักปลาคาร์ฟ ลายสักงูเป็นต้น
ลายสักญี่ปุ่นถือว่าเป็นรอยสักที่ยอดฮิตอยู่คู่กับโลกใบนี้มาอย่างยาวนานแล้ว มันเป็นลายสักที่กลายเป็นแฟชั่นไปโดยปริยาย ในทุกวันนี้ลายสักญี่ปุ่นนั้นได้ถือเป็นลายสักหลักๆอีก 1 ประเภทที่หลายๆคนเลือกจะมีไว้บนร่างกายของตัวเอง หลังจากที่ลายสักนี้เผยแผ่ไปยังแถบทวีปยุโรป จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมคลั่งไคล้ลายสักประเภทนี้ขึ้นอย่างมากมาย ได้มีช่างสักจากทวีปยุโรปหลายต่อหลายคน ที่ให้ความสำคัญกับลายสักญี่ปุ่นจนได้มีการพัฒนาลายสักเรื่อยมา ให้ลายสักญี่ปุ่นนั้น โด่งดังกระฉ่อนไปทั่วยุโรปรวมกันถึง ประเทศอเมริกา และประเทศอังกฤษ
@filipleu
leufamilyiron.com
ช่างหลายต่อหลายคนในทวีปยุโรปถึงกับกลายเป็น Master ในผลงานสักประเภทลายสักญี่ปุ่นนี้ ช่างสักที่เป็นที่โด่งดังระดับโลกมีหลายต่อหลายคนอย่างเช่น Filip Leu จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าพ่อด้าน ญี่ปุ่นสมัยใหม่ ที่เป็นมือฉมังจนทุกวันนี้กลายเป็นตำนานของช่างสักแนวญี่ปุ่นในยุโรปแล้ว อีกทั้งยังมีช่างสักมายมายเช่น
Henning Jorgenson/Denmark
Rob Admiraal/Netherlands
Marco Bratt /Belguim
Alex Reinke/Germany
Ian Flower/UK
จึงทำให้ทุกวันนี้กระแสการสักลายสักญี่ปุ่นโบราณในยุโรปรวมถึงทั่วโลกนั้นยังคงไม่เสื่อมคลายลงไปสักนิดเดียว
ลายสักญี่ปุ่นในประเทศไทย นั้นถือว่าเป็นลายสักที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งมีช่างสักจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบลายสักประเภทนี้และนำมาเป็นจุดขายของตัวเอง วัฒนธรรมการสักลายสักญี่ปุ่นในประเทศไทยนั้นถือว่ามีมาอย่างยาวนาน และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีร้านสักจำนวนไม่น้อยที่เป็นร้านสักที่มุ่งเน้นไปในแนวญี่ปุ่นโดยเฉพาะอย่าง เช่นร้านสัก ผู้ดำเนินการด้วยอดีตนายกสมาคมช่างสักแห่งประเทศไทยอย่าง คุณยิ่ง ยังเติร์ก
ฝีไม้ลายมือของช่างสักท่านนี้ไม่ธรรมดามากๆ ช่างสักท่านนี้ชื่นชอบในการสักลายสักญี่ปุ่นแนว ซึ่งเป็นญี่ปุ่นแบบโบราณแต่ใช้เครื่องสักแบบสมัยใหม่ ลายสักส่วนใหญ่ที่โดดเด่นของยิ่ง ยังเติร์ก นั่นก็คือลายสักที่แก้ไขลายสักที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆด้วยประสบการณ์อันยาวนานของคุณยิ่งยังเติร์ก ทันมันออกมาอย่างเหนือชั้น หากใครที่ชื่นชอบลายสักแนวญี่ปุ่นอยากได้ลายสัก สวยๆไว้ในตัวก็ไม่ควรพลาดลายสักจากร้านนี้นะครับ ผมรับประกันเลย ว่าเทียบเคียงกับลายสักดั้งเดิมได้เลย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ ลายสักญี่ปุ่น มีความเป็นมาอย่างไร มีลายไหนที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกัน ที่เรา Becomeinked นำมาฝากกัน วันนี้ผมต้องลาไปก่อน สำหรับบทความหน้าเราจะพาเพื่อนๆไปดูรอยสักประเภทไหนกันอีกบ้าง ก็สามารถติดตามกันไว้ได้เลยนัครับ หากเพื่อนๆต้องการฝากคำติชมให้เรา ก็สามารถพูดคุยกันผ่านกล่องข้อความด้านล่างกันได้เลยนะครับ พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
หากคุณอยากได้รอยสักที่มีคุณภาพจากร้านที่เชื่อถือได้ ตามมาตราฐานความปลอดภัยของสาธารณะสุข ผมแนะนำร้านนี้เลยครับ Wt tattoo ( facebook / IG )
champ : เขียน
ที่มา : historyofyesterday.com, tattmag.com
Becomeinked Tattoo เว็บไซต์รวมข่าวสารเกี่ยวกับ การจัดอันดับ ประเภท ความหมาย จาก ลายสัก รอยสัก สวยๆ เท่ๆ และ ข้อมูล ช่างสัก ร้านสักทั่วประเทศ ลายสักโอสคูล ลายสักคาบูกิ ลายสักญี่ปุ่น ลายสักปลาคราฟ ลายสักมินิมอล ลายสักดารุมะ ลายสักแขน ลายสักมังกร ลายสักปีศาจ รอยสักเท่ๆ รอยสักเต็มหลัง รอยสักความหมายดีๆ ความหมายรอยสัก วิธีดูแลรอยสัก ช่างสักผู้หญิง ประเภทรอยสัก
ฝากเว็บที่สองของพวกเราด้วยนะครับ
- POSTER24 -